Monday, September 30, 2013

ชมพิพิธภัณถ์ Vittoriale ที่เมือง Gardone Riviera และชมวิวทะเลสาป Garda ประเทศอิตาลี

ภาษาอิตาเลี่ยนวันละคำ วันนี้ขอเสนอคำว่า Lago
อ่านว่า ลา-โก (Stress คำว่า “ลา”)
ภาษาไทยแปลว่า ทะเลสาป
ภาษาอังกฤษ คือ Lake


Smiley สวัสดีพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ที่รักทุกท่านค่ะ Smiley
ประเทศอิตาลีทางภาคเหนือนั้นมีทะเลสาปหลายแห่ง
ทะเลสาปใหญ่แห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวหลายท่านอาจเคยได้ยินชื่อกัน
คือทะเลสาปการ์ดา Lake Garda
หรือภาษาอิตาเลี่ยน Lago di Garda
มีเมืองท่องเที่ยว สวยงาม หลายเมืองตั้งอยู่ริมทะเลสาป
ชื่อเมือง Gardone Riviera การ์โดเน ริวิเอร่า
ทริปนี้เป็นทริปที่เพิ่งไปมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี้เองค่ะ
วันที่ 26 กย. 2556 อุณหภูมิประมาณ 23-25c
ไม่ร้อนไม่หนาว มีแดดจ้า เรียกว่าอากาศกำลังสบายๆ

การเดินทาง
เดินทางจากรถยนต์จากมิลาน ใช้เวลาประมาณ 90 นาที
ใช้เส้นทางหลวง A4 Milano-Venezia
และออกจากทางหลวง Exit - Brescia Est
จากนั้นใช้เส้นทางถนน SS45bis 
สังเกตป้ายบอกทาง Gardone Riviera ให้ตามเส้นทางนั้นไป
จนกระทั่งถึงที่หมายปลายทางซึ่งเป็นเมืองอยู่ริมทะเลสาปการ์ดา


เมือง Gardone Riviera เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ Vittoriale degli Italiani
คือวิลล่าที่เคยเป็นบ้านของนักประพันธ์มีชื่อขาวอิตาเลี่ยน
ชื่อ Gabriele d’Annunzio กาบริเอเล ดานุนซิโอ
วิลล่าที่ว่านี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และมีสวยสวย มองเห็นวิวทะเลสาป
สิ่งที่แตกต่างจากวิลล่าทั่วไปในอิตาลีคงเป็นเรื่องการตกแต่งภายใน
น่าเสียดายมากที่ทางเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ interior
ภายในนั้นเป็นสไตล์ electric ผสมผสานหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน
มีรูปปั้นพระต่างๆ จากอินเดีย ไม้แกะสลักจากอัฟริกา
ตู้เก็บของ ประตูไม้กั้นห้องจากประเทศจีน
รูปปั้นหลายชิ้นที่ทำด้วยทองแดง และหินอ่อน ในสไตล์กรีก ฯลฯ

การเข้าชมพิพิธภัณฑ์ Vittoriale นั้น จะต้องไปกับไกด์ของสถานที่
มีไกด์นำกลุ่มที่พูดภาษาอังกฤษ และมีกลุ่มภาษาอิตาเลี่ยนด้วย
ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 40 นาที
ในส่วนที่เป็นวิลล่าที่พัก เราต้องเดินตามไกด์ไปตลอดในการเดินชมห้องต่างๆ
ห้องรับแขก ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน
ห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร ห้องดนตรี ฯลฯ
ใครอยากชมภาพภายในวิลล่าให้เข้าไปในเวปไซต์อย่างเป็นทางการนะคะ
คลิกที่ http://www.vittoriale.it
จากเมนูด้านบนให้คลิก Galleria 
และจากนั้นทางคอลัมน์ซ้ายมือคลิก La Prioria
ส่วนที่เหลือคือพิพิธภัณฑ์ เป็นห้องโถงกว้าง และมีห้องจัดแสดงของต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตนักประพันธ์ Gabriele d’Annuzio
ซึ่งไกด์เปิดโอกาสให้เรากันกันได้ตามสบายในส่วนนี้


เมืองเล็กในอิตาลีแบบนี้น่าเที่ยวค่ะ เพราะนักท่องเที่ยวไม่เยอะเกินไป
บรรยากาศสวยงาม สบายๆ เดินเล่น ถ่ายรูป
ใครชอบเที่ยวสไตล์แบบนี้เหมาะมากที่จะไปริมทะเลสาป Garda



มาชมภาพกันดีกว่าค่ะ
พิพิธภัณฑ์ Vittoriale degli Italiani หรือเรียกสั้นๆ ว่า Vittoriale









อีกมุมหนึ่งของ Vittoriale ส่วนนี้เคยเป็นที่พักของ Gabriele d’Annuzio
นักประพันธ์ที่มีชื่อชาวอิตาเลี่ยน










ประวัติโดยย่อของ Gabriele d’Annunzio
เกิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ.1863 ที่เมือง Pescara ประเทศอิตาลี
เขามาจากครอบครัวขุนนางมีฐานะ ตระกูล Montenevoso
มีชื่อเสียงการเขียนบทกลอน บทละคร หนังสือ
และบทความที่เกี่ยวข้องกับทางการเมืองที่มีอิทธิพลกับคนอิตาเลี่ยนในสมัยนั้น
เป็นคู่แข่งทางการเมืองกับ Benito Mussolini
ชื่อเสียงอีกอย่างหนึ่งคือ การมีความสัมพันธ์กับหญิงสาวหลายคน
ในชีวิตเขานั้นแต่งงานมีบุตรชาย 3 คน กับภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย
และมีบุตรสาว 1 คน ที่เกิดนอกสมรส
ตลอดชีวิตของเขามีเรื่องราวพัวพันกับผู้หญิง การใช้ชีวิตที่หรูหราฟุ่มเฟือย
ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลง เริ่มกลายเป็นคนเก็บตัวหลังการเข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1
เขาเสียดวงตาข้างหนึ่งไป ผลพวงจากการได้รับบาดเจ็บช่วงสงคราม
เคยถูกทำร้าย ผลักตกจากหน้าต่างจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
อาการบาดเจ็บของเขานั้นมีผลทำให้เขาใช้ชีวิตห่างสังคมภายนอกไป
บั้นปลายของชีวิตนั้นเขานั้นคือการอยู่ในวิลล่า Vittoriale แห่งนี้
เขาได้สร้างพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสิ่งของหลายอย่างที่เกี่ยวกับสงคราม
อาวุธ เครื่องแบบ เรือ ชิ้นส่วนเครื่องบินรบ ฯลฯ
ในขณะเดียวกันเขาก็สะสมของแต่งบ้าน รูปปั้น เฟอร์นิเจอร์ ที่นำมาจากทวีปต่างๆ ทั่วโลก
เขาเสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1938 จากเส้นเลือดในสมองแตก
ทางรัฐบาลได้จัดงานศพอย่างเป็นทางการให้ ถือเป็นผู้มีชื่อเสียงสำคัญของประเทศ
ผลงานเขียนที่ชาวอิตาเลี่ยนหลายคนรู้จักคือ 
Canto novo (1882), Il piacere (1889), Giovanni Episcopo (1891)
L'innocente (1892), Il Poema Paradisiaco (1893)
Il trionfo della morte (1894), Le vergini delle rocce (1896), Il fuoco (1900)


สวนบริเวณกว้างของวิลล่า มองเห็นทะเลสาปการ์ดาด้านหน้า







Parlaggio โรงละครกลางแจ้ง
ตั้งอยู่ในบริเวณสวนของวิลล่า







เรือ Puglia เรือจำลอง สร้างอยู่ในบริเวณสวนของวิลล่า









ทางเดินเล็กๆ เพื่อไปยังบริเวณสวนด้านล่าง







ด้านล่างของเรือ Puglia มีโมเดลเรือเล็กแสดงไว้







เรือ MAS เรือที่ใช้ทำสงครามในช่วงสงครามโลก I, II








บริเวณหน้าทางเข้าพิพิธภัณฑ์ มีรถไฟเล็กรับส่งไปยังท่าเรือริมทะเลสาป








พักรับประทานอาหารเที่ยงกันหลังจากชมพิพิธภัณฑ์เสร็จแล้ว
ร้านอาหารชื่อ Ulivi อาหารอร่อยใช้ได้เลย มีทั้งพาสต้า พิซซ่า ฯลฯ
พิกัดหาง่ายมาก อยู่หน้าพิพิธภัณฑ์ Vittoriale ค่ะ







อาหารเที่ยงของเรา
คอร์สแรกคือพาสต้า Bucatini และราวิโอลี่ 







คอร์สที่สอง คือปลา Coregone ปลาจากทะเลสาปการ์ดา
เสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่ง สลัด







ทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้ว ไปเดินเที่ยวชมเมืองกันหน่อย







เดือนกันยายนยังเห็นดอกไม้สวยๆ ปลูกตามระเบียงบ้าน









ชอบภาพนี้มาก ดูแล้วเหมือนยังอยู่ในช่วงฤดูร้อน
ดอกไม้บานสดใส ขอเก็บไว้ดูนานๆ หน่อย








ร้านอาหาร และร้านกาแฟอื่นๆ ระหว่างทางเดินไปทะเลสาป










ท่าเรือเมือง Gardone Riviera








โรงแรมที่พักริมทะเลสาปการ์ดา








ทางเดินเลียบทะเลสาป หรือเรียกว่า Lungolago (ลุงโกลาโก)








ทิวทัศน์เมือง Gardone Riviera และทะเลสาปการ์ดา ที่อยู่ด้านหน้า








ถ่ายรูปหงส์สวยในทะเลสาป ก่อนกลับบ้านค่ะ






ทริปนี้ไปเป็นทริปไปเช้าเย็นกลับ เที่ยวสบายๆ ช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง
ดอกไม้ต้นไม้ยังแจ่มใสอยู่ หลังจากช่วงนี้ไปคงเริ่มผลัดใบกันแล้ว
ถ้ามีโอกาสจะไปเก็บภาพใบไม้เปลี่ยนสี มาฝากกันนะคะ
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์จากพี่ๆ น้องๆ หลายคนที่ฝากไว้
ถ้ามีเวลาจะตามไปทักทายทุกท่านแน่นอนค่ะ

ปล. เอนทรี่นี้อยู่ใน สาขาไกลบ้าน/ชีวิตในต่างแดน ค่ะ

เที่ยวเมืองเวนิส Venice/Venezia ประเทศอิตาลี



ภาษาอิตาเลี่ยนวันละคำ วันนี้ขอเสนอคำว่า Canale
อ่านว่า คา-นา-เล (Stress คำว่า “นา”)
ภาษาไทยแปลว่า คลอง
ภาษาอังกฤษ คือ Canal


Smiley สวัสดีพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ที่รักทุกท่านค่ะ Smiley
ช่วงปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา มีโอกาสพาคุณเพื่อนสาวๆ ไปเที่ยวเวนิสด้วยกัน
จริงๆ แล้วถ้าใครอยากไปเวนิสนี่แนะนำให้ไปช่วงที่ไม่ใช่หน้าร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม)
เพราะคนมากันเยอะมาก
แต่เนื่องจากเพื่อนๆ มาพักที่บ้านในช่วงนั้น เวลาจำกัด ก็เลยนัดไปกันค่ะ
อากาศร้อนนิดๆ แต่ถือว่าแดดแจ่ม ถ่ายรูปสนุก
เบียดคนเยอะหน่อย ทำใจนะคะ เมืองท่องเที่ยวสำคัญในอิตาลีนักท่องเที่ยวเพียบ
วันนั้นอุณหภูมิประมาณ 30-31c น่าจะได้

ไปคราวนี้ ถือเป็นครั้งที่ 3 ของเอิง
เน้นเดินเที่ยว เก็บภาพ ดูวิวริมคลอง ชมเรือกอนโดล่า
หากใครมีเวลาเยอะหน่อย แนะนำให้เข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ และภายในโบสถ์ซานมาร์โค
ซึ่งไปกันคราวนี้พวกเราไม่เน้นเข้าพิพิธภัณฑ์เพราะคิวยาว
อีกอย่างหนึ่งคือ เราเคยเข้าพิพิธภัณฑ์ในเวนิสหลายแห่งก่อนหน้านี้แล้วในปีก่อนๆ
ใครสนใจอยากรู้ข้อมูลส่งหลังไมค์มาได้ค่ะ

Smiley การเดินทาง Smiley
เมืองเวนิสมีสถานีรถไฟหลัก คือ Venezia Santa Lucia
เป็นสถานีที่ผู้โดยสารสามารถมาลง และเดินเที่ยวในเมืองเวนิสได้เลย
เมืองนี้รถเข้าไม่ได้นะคะ เป็นเมืองปลอดรถยนต์
หากใครขับรถมาต้องไปจอดรถนอกเมือง แล้วนั่งเรือโดยสารเข้ามา
ส่วนการเดินทางภายในตัวเมืองสามารถเลือกได้
คือเดินเท้า นั่งเรือโดยสาร Vaporetto นั่งเรือแท๊กซี่ หรือนั่งเรือกอนโดล่า
ไปตามจุดต่างๆ ในตัวเมือง


บล็อกนี้เน้นบรรยากาศคึกคัก มุมต่างๆ ในเวนิส
มาชมภาพกันเลยค่ะ

หน้ากากสีสันสดใส มีขายตามที่ๆ ต่างใน Venice









โบสถ์ Scalzi หรือมีอีกชื่อหนึ่ง คือ โบสถ์ Santa Maria di Nazareth








ร้านขายของที่ระลึกและหน้ากากอีกแห่งหนึ่ง เน้นสีสดใส








พวกเราเดินลัดเลาะกันไปริมคลอง
มีป้ายบอกทางตลอด พวกเราจะไปที่ลานหน้าโบสถ์ San Marco
เดินตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆ วิวตามทางคือคลอง เรือล่องไปมา







โบสถ์ซานร็อคโค San Rocco










โบสถ์เล็กแห่งหนึ่ง อยู่ใกล้ทางเดินไปโบสถ์ซานร็อคโค








นักท่องเที่ยวมานั่งเล่นริมคลองตามลานเล็กๆ ในเมืองเวนิส








สะพาน Rialto ถือเป็นสะพานยอดนิยมที่หลายคนชอบมาถ่ายรูป








เรือกอนโดล่า นักท่องเที่ยวหลายคนนิยมใช้บริการนั่งเรือชมเมือง









ทิวทัศน์ของเมืองเวนิส (ถ่ายจากสะพานริอัลโต้)
เห็นบ้านเรือนสีสันสดใส เรือโดยสาร เรือกอนโดล่า วิ่งอยู่ทั่วไป










สะพาน Rialto อีกมุมหนึ่ง







เรือกอนโดล่า Gondola ใช้กันมาตั้งแต่อดีต
และยังเป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน









เรือโดยสารแบบธรรมดาก็มีนะคะ แล้วแต่ใครอยากนั่งแบบไหนมีให้เลือก








อีกสักภาพกับเรือ Gondola ที่นั่งข้างในหรูหราไม่ใช่เล่น








โบถส์สำคัญของเมืองเวนิสคือ San Marco ซานมาร์โค
(ภาษาอังกฤษ คือ St.Mark)
ชื่อเต็ม Basilica di San Marco
สร้างในช่วงศตวรรษที่ 11 ใช้สถาปัตยกรรมผสมผสาน
Eastern + Byzantium + Venetian Style







ลานกว้างซานมาร์โค เห็นหอระฆัง Campanile ตั้งเด่นเป็นสง่า








ร้านอาหารบริเวณ San Marco Square บางร้านมีนักดนตรีมาขับกล่อม







อีกมุมหนึ่งของ Basilica di San Marco







หอนาฬิกา Clock Tower (Torre dell’Orologio)
สร้างประมาณ ปี ค.ศ.1496 เป็นนาฬิกาโบราณ
ตั้งอยู่บริเวณลานกว้างข้างโบสถ์ San Marco







วังโบราณ Doge’s Palace (Palazzo Ducale)
คนอิตาเลี่ยนนิยมเรียกว่า ปาลาซโซ ดูคาเล
สมัยก่อนใช้เป็นที่พัก และที่ทำการของผู้ปกครองเมือง
สมัยเวนิสยังเป็นรัฐอิสระ Venice Republic
ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ เปิดให้ผู้สนใจเข้าชมได้










ลานกว้างทางเดินเท้า ระหว่าง Palazzo Ducale และหอระฆัง Campanile









เรือกอนโดล่า จอดอยู่ตรงบริเวณเรือ San Zaccaria










สะพาน Bridge of Sighs (Ponte dei Sospiri)
สะพานเชื่อมระหว่างวัง Palazzo Ducale ไปยังอีกฟากหนึ่งของคลอง
ในอดีตนั้น อีกฝากเคยเป็นเรือนจำขังนักโทษ
เมื่อนักโทษโดนตัดสิน จะถูกนำเดินข้ามสะพานนี้ไปยังคุก
การเดินข้ามสะพานถือเป็นการให้เห็นวิวของเวนิสเป็นครั้งสุดท้ายก่อนถูกจองจำ
Sigh แปลว่า ถอนหายใจ
เพราะว่ากันว่า นักโทษแต่ละคนถอนหายใจระหว่างเดินข้ามสะพานไปยังอีกฝากค่ะ


สะพาน Ponte dei Sospiri
ถือเป็นมุมถ่ายภาพอีกแห่งที่หลายคนนิยมมาชมกัน








บรรยากาศคึกคักช่วง Summer หน้าลานกว้าง San Marco Square
เห็นโบสถ์ Basilica di San Marco เป็นฉากอยู่ด้านหลัง







ใกล้ๆ เมืองเวนิสยังมีเกาะเล็กๆ ที่น่าเที่ยวอีกนะคะ
เช่น เกาะ Murano, Burano, Torcello, Lido ฯลฯ
ถ้ามีโอกาสวันหลังจะภาพมาฝากกันอีก
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ที่พี่ๆ น้องๆ หลายท่านฝากไว้
มีเวลาแล้วจะแวะไปทักทายแต่ละท่านแน่นอนค่ะ


ปล. เอนทรี่นี้อยู่ใน สาขาไกลบ้าน/ชีวิตในต่างแดน ค่ะ