รายการอาหาร : อาหารไทยโบราณ, ข้าวแช่ชาววัง, ไก่ห่อตะไคร้, ขนมจีน
เวลาเปิดบริการ : 11.30 - 22.30
ที่ตั้งร้าน : 12 ถนนสุขุมวิท ซอย 7, กรุงเทพมหานคร วัฒนา Thailand
พิกัด GPS : 13° 44' 32.48" N 100° 33' 19.07" E
ร้านอาหาร "บ้านย่า"
ที่ตั้ง 12 ถ.สุขุมวิท ซอย 7
เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
ภาษาอิตาเลี่ยนวันละคำ วันนี้ขอเสนอคำว่า Aqua
อ่านว่า อะ-ควา (Stress คำว่า “อะ”)
ภาษาไทยแปลว่า น้ำ
ภาษาอังกฤษตรงกับคำว่า Water
สวัสดีพี่ๆ น้องๆ และท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน
วันนี้ขอพาชิมร้านที่น่าสนใจในกรุงเทพฯ ร้านนึงนะคะ
ชื่อร้านอาหาร “บ้านย่า”
เป็นร้านอาหารสไตล์ไทยโบราณ อาหารชาววัง
มีหลายเมนูที่น่าสนใจ และเอิงไม่มีโอกาสได้รับประทานบ่อยๆ
ที่ตั้งนั้นอยู่ ถ. สุขุมวิท ซอย 7
***Thank You***
ขอบคุณคุณเพื่อน “โอ๋” และ “มีนา” ที่แนะนำร้านบ้านย่า
พวกเราได้ไปรับประทานด้วยกัน ดีใจจังเลยนะตัวเอง เมาท์กระจายๆๆๆ
เพื่อนของเอิง 2 ท่านนี้ เจอกันครั้งล่าสุดเมื่อสองปีที่แล้วที่อิตาลี
เมื่อครั้งสองสาวมาเที่ยว --- ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะจ๊ะ
การเดินทางที่สะดวกคือรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานี นานา
เดินเข้าไปจากปากซอยประมาณ 100 เมตร
ร้านอยู่ทางขวามือ จะเห็นป้ายภาษาอังกฤษ คือ “Banya”
หากจะมาโดยรถยนต์ต้องเข้าทาง ถ.สุขุมวิท ซอย 5
แล้ววนไปซอย 7 เพราะ ซอย 7 เป็นวันเวย์ขาออกค่ะ
ที่จอดรถจะอยู่หลังร้าน มีบริเวณประมาณ 10-12 คัน
บรรยากาศร้าน มี 3 ส่วน
ด้านนอก outdoor, ด้านในมีบาร์
และห้องใหญ่ด้านหลัง นั่งรับประทานอาหาร
ปากซอย “นานา” ค่อนข้างคึกคัก (ช่วงค่ำๆ ดึกๆ)
คนที่อยู่ในเมืองหลวงพอจะทราบนะคะ ว่าย่านนั้นเป็นย่านนักท่องเที่ยว
ชาวต่างชาติเดินเข้าออกไปมา และเห็น บาร์ ร้านอาหารอยู่แน่นขนัด
บรรยากาศคล้ายๆ บางซอยแถวหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต ยังไงก็ไม่รู้ อรึ๋ยๆ
มีน้องนางมาชวนให้ไปนวด “massage...massage มั้ยคะคุณพี่”
(อ้าว...เฮ้ย... ไหงมาชวนคุณพี่ แถมยักคิ้วยักไหล่ให้ยังงี้ละคะคุณน้อง)
รีบเดินดีกว่า เข้าไปในซอยอีกนิดจะเริ่มเงียบ ค่อยเดินสะดวกหน่อย
(เมาท์นอกเรื่องอีกแล้ว --- ชวนมาดูร้านอาหาร แต่มาเมาท์เรื่องปากซอยนานา 55+)
มาดูภาพกันดีกว่าค่ะ
ร้านอาหาร “บ้านย่า” ดูเหมือนบ้านจริงๆ ด้วย
เท่าที่ทราบเจ้าของร้านดัดแปลงบ้านมาทำเป็นร้านอาหาร
ซึ่งบ้านเดิมเป็นของคุณย่าเจ้าของร้าน จึงได้ชื่อว่า “บ้านย่า”
เมนูเรียกน้ำย่อย “หมูแดดเดียว”
เคี้ยวกรอบนอกนิดๆ รสชาดเค็ม มัน อร่อยใช้ได้เลยค่ะ
“ยำถั่วพู” เสิร์ฟมากับไข่ต้ม หั่นเป็นชิ้นๆ
โรยด้วยหอมซอยทอด น้ำยำค่อนข้างหวาน แต่ก็กลมกล่อม
เมนูที่คุณเพื่อนแนะนำ และหาทานไม่ได้ง่าย คือ ข้าวแช่ในแบบชาววัง
“ข้าวแช่ชาววัง” ที่ร้านใช้สีม่วงอมฟ้าจากดอกอัญชัญ
แช่ในน้ำ มีกลิ่มหอมอ่อนๆ จากดอกไม้ โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ทานแล้วชื่นใจมาก ได้กลิ่นอายของอาหารไทยโบราณ นานๆ จะมีโอกาสได้ชิม
เครื่องเคียงที่มาพร้อมกับข้าวแช่ คือ
ลูกกะปิทอด (ปั้นเป็นก้อนกลมๆ ชุปไข่ทอด)
หอมแดงทอดสอดไส้, หมูฝอย, ไชโป๊วผัดหวาน, พริกหยวกสอดไส้
พร้อมผักสด เช่น แตงกวา ต้นหอม ฯลฯ
วิธีการรับประทานข้าวแช่
คือ ตักเครื่องเคียงที่ต้องการเข้าปากก่อน
แล้วจึงตักข้าวแช่รับประทานตาม เคี้ยวส่วนผสมให้เข้ากันในปาก
ไม่นิยมตักเครื่องเคียงผสมลงในข้าวแช่
(งานนี้คุณสามีทำตามเรียบร้อย เธอชอบวิธีชาววังไทยโบราณ อิอิ)
เครื่องเคียงแต่ละอย่างรสชาดต่างๆ กันไป
ลูกกะปิทอด จะให้รสเค็ม, ไชโป๊วผัดจะให้รสหวาน
หอมแดงให้กลิ่นสมุนไพร กรอบ หวาน มีกลิ่นปลาแห้งผสมอยู่ด้วย
พริกจะให้ความเผ็ดนิดๆ ฯลฯ ครบทุกรสชาด
เรียกว่า เป็นอาหารที่มีความปราณีต พิถีพิถันอย่างลงตัว
เครื่องดื่ม “น้ำมะนาว”
ทางร้านทำไม่เหมือนใครคือใช้สีม่วงของดอกอัญชัญผสมในน้ำมะนาว
“ไก่ห่อตะไคร้” คือ เนื้อไก่หุ้มก้านตะไคร้ โรยด้วยงาขาวนิดๆ
เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มหวานๆ
ขนมจีนและเครื่องเคียง มาพร้อมกับน้ำยาซึ่งเป็นน้ำพริก (ไม่เผ็ด)
เสิร์ฟพร้อมกับ กุ้งชุบแป้งทอด ไข่ต้ม หัวปลี มะละกอดิบ ผักบุ้งผัด
ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เค็มๆ มันๆ รสชาดพอดีๆ
สะเต๊ะไก่ พร้อมน้ำจิ้ม อาจาด และกระเบื้องกรอบ
ภาพที่ไม่ได้ถ่ายรูปมา (เพราะลืม มัวแต่รับประทาน 555+)
คือ ข้าวผัดกับปลาดุกฟู แกงเขียวหวานไก่
ของหวาน เช่น ทับทิมกรอบ กระท้อนลอยแก้ว
วันนั้นเราไปรับประทานกัน 6 คน
อาหารรวมทั้งหมดเราสั่งประมาณ 11-12 อย่าง
(ทานเยอะค่ะ แต่ละคนอิ่มเอมกันถ้วนหน้า)
รวมเครื่องดื่มต่างๆ และของหวาน ราคาประมาณสองพันบาท
อาจฟังดูแพงนิดนึง แต่คุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับมา
เพราะเอิงและสามีไม่มีโอกาสมาทานอาหารสไตล์ไทยโบราณบ่อยๆ
รสชาดอาหารวันนั้นค่อนข้างกลมกล่อม ใช้ได้ทีเดียว
พวกเราไม่ได้สั่งอาหารรสจัดเท่าไหร่ เพราะมีฝรั่งมาคนนึง (สามีเอิง)
เลยสั่งเมนูไม่เผ็ดมาก เพราะสามารถรับประทานร่วมกันทุกคนได้
บรรยากาศเหมือนนั่งอยู่ในห้องรับประทานอาหารในบ้าน
เป็นกันเอง ทั้งเจ้าของร้านและพนักงานที่คอยดูแล
ร้านนี้อาจเป็นทางเลือกหนึ่ง สำหรับคนที่อยากทานอาหารไทยโบราณ
หลายเมนูเป็นสไตล์ชาววัง น่าสนใจ น่าลองชิมค่ะ
ปล. พี่ๆ น้องๆ สามารถรับข่าวสารอัพเดททาง Facebook
โดยเข้าไปที่เพจของ Diamondsky Blog ค่ะ
Diamondsky Blog
FB Page
ขอบคุณที่แวะมาทักทาย แล้วเจอกันใหม่บล็อกหน้าค่ะ
No comments:
Post a Comment