Friday, February 13, 2015

เที่ยวงานประจำปี Sant’Orso ของเมือง Aosta ประเทศอิตาลี


ภาษาอิตาเลี่ยนวันละคำ วันนี้ขอเสนอคำว่า Legno
อ่านว่า เลน-โญ (Stress คำว่า “เลน”)
Smiley ภาษาไทยแปลว่า ไม้ SmileySmiley ภาษาอังกฤษ คือ Wood Smiley

สวัสดีพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ที่รักทุกท่านค่ะ
เมื่อวันที่ 30-31 มกราคม 2558 ที่ผ่านมา
เอิงได้มีโอกาสไปเที่ยวงานประจำปีของเมือง Aosta (อา-ออส-ต้า)
งานนี้ชื่อว่างาน Sant’Orso (ซานตอร์โซ)
เป็นงานที่เมือง Aosta จัดขึ้นทุกปี ในช่วงปลายเดือนมกราคม
ลักษณะของงานนั้น เป็นงานแสดงสินค้าพื้นบ้าน ผลิตภัณฑ์ที่ทำในท้องถิ่น
เช่น ผลิตภัณฑ์งานแกะสลักไม้ ของใช้ในครัวเรือนที่ทำจากไม้
งานผ้าต่างๆ เช่น เสื้อไหมพรม ผ้าพันคอ ถุงมือ ฯลฯ
ของแต่งบ้าน เครื่องประดับ
เรียกว่านำเอางานฝีมือคนท้องถิ่นมาให้ชมกันหลากหลายทีเดียว
เป็นงานใหญ่พอสมควรค่ะ มีคนเดินทางมาจากหลายเมือง ประเทศใกล้เคียง
(เช่น ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลน เยอรมัน ฯลฯ) มาร่วมงานกันเยอะ
นอกจากนั้นก็มีอาหารท้องถิ่น ไวน์ ชีส ขนมหวาน ฯลฯ ขายในงานอีกด้วย

หากใครมีโอกาสไปอิตาลีในช่วงปลายเดือนมกราคม
ลองหาเวลาแวะไปงาน Sant’Orso ที่เมือง Aosta ดูนะคะ
ว่าแล้วเรามาชมภาพกันเลยดีกว่าค่ะ

บรรยากาศงานในคืนวันศุกร์ที่ 30 มกราคม









ผลงานที่ทำจากไม้แกะสลัก ของใช้ในบ้าน ของประดับบ้าน








งานไม้แกะสลัก ประดับไว้ตรงบริเวณลานกว้าง ใจกลางเมือง
(มีหิมะตกมาพอสมควรในคืนก่อนหน้านั้น)








ผลงานตะกร้าสาน ของน่ารักน่าใช้










ป้ายงานที่เขียนเป็นภาษาฝรั่งเศส
เมือง Aosta อยู่ติดชายแดน อิตาลี-ฝรั่งเศส จะเห็นป้ายเป็นภาษาฝรั่งเศสเยอะทีเดียว








ผลงานไม้แกะสลัก ประดับอยู่ตรงส่วนหนึ่งในตัวเมือง








ลังไม้สำหรับเก็บไวน์










บรรยากาศในงานด้านหนึ่งของเมือง เช้าวันเสาร์ 31 มกราคม
ผู้คนเริ่มมาเดินเที่ยวกันคึกคัก








ผลงานไม้แกะสลัก ขนาดใหญ่พอสมควร ที่ผู้คนเข้ามาชมมากมาย







ตุ๊กตาไม้แกะสลัก ขนาดใหญ่ หลายคนมาถ่ายรูปกัน









ไม้แกะสลักที่น่าสนใจอีกแบบ เหมือนใบไม้ที่ละลายอยู่บนขอนไม้








ประตูเมือง Aosta








บรรยากาศใกล้ช่วงเที่ยงวันเสาร์ 31 มกราคม 2558
ผู้คนมาเดินกันแทบเต็มถนน อากาศเริ่มอุ่นขึ้นเรื่อยๆ









ชีส Fontina (ฟอนทีน่า) ชีสที่ขิ้นชื่อของเมือง Aosta







ผลงานที่ทำจากไม้ ใช้วางขนมปัง







ไม้แกะสลักเป็นรูป Pinocchio







งานแกะสลักไม้ สวยงาม ใบไม้ที่เป็นสีอ่อนนั้นก็ทำจากไม้ค่ะ







ตุ๊กตาไม้ เห็นแล้วอยากได้ไว้ไปประบ้านสักนิด ^_^







ถ้วยที่ทำจากไม้นี้ชื่อ Coppa dell’Amicizia (คอปป้า เดล อามิชิเซีย)
ถ้วยแห่งความสัมพันธ์ฉันเพื่อน --- แปลเก๋ๆ เองนะคะ อิอิ






ถ้วย Coppa dell’Amicizia เป็นธรรมเนียมประเพณีของชาวออสต้า
ที่ดื่มร่วมกันระหว่างเพื่อนฝูง
เอิงได้ซื้อกลับบ้านมาหนึ่งถ้วยด้วยค่ะ
คนขายให้สูตรผสมเครื่องดื่ม เพื่อใส่ในถ้วยมา
Recipe for 4 people
- 4 cups of hot coffee
- 4 glasses of grappa (50-60 degree) and a glass of Cointreau or Genepy
- Some lemon and orange peels
- 8-10 teaspoons of sugar

เรียกว่าเครื่องดื่มนี้เน้นกาแฟ ผสมเหล้า 50 -60 ดีกรี
ดื่มเพื่อสังสรร ฉลองกับเพื่อนฝูงจริงๆ




คืนวันศุกร์ที่ 30 มกราคม นั้น ได้มีโอกาสไปทานร้านอาหารอร่อยในเมือง Aosta
ชื่อร้าน Osteria da Nando
(ร้านนี้อาหารของเค้าอร่อยจริงๆ นะคะ)
ใครชอบอาหารอิตาเลี่ยนสไตล์ชาวบ้านบนเขา ต้องลองไปชิมดู


จานนี้เป็น Antipasti
คือ Cotechino (เนื้อหมูบดผสมมันหมู) ราดชีส Fontina เสิร์ฟกับหอมใหญ่







Affettati คือ แฮมในแบบต่างๆ เสิร์ฟพร้อมกับ Chestnuts เชื่อม







Banga Caoda บานญา คาวดา
จานนี้เป็นอาหารอิตาเลี่ยนในแถบเขต Piemonte
คือผักสด จิ้มกับ น้ำซอส (ซอสทำจากปลาแอนโชวี่)







จานนี้ชื่อ Bourguignonne (เบอร์กินญอง)
เนื้อจิ้มจุ่ม ทอดในกระทะเล็กๆ
เสิร์ฟพร้อมน้ำซอสหลายแบบ











Primo อาหารคอร์สที่หนึ่ง
Polenta della Casa
คือ โพเลนต้า (grined corn seeds) เสิร์ฟมาพร้อมไข่ดาว
เป็นสูตรของร้านนี้โดยเฉพาะ
ปกติ Polenta ทานได้กับซอส หรือ เนื้อสัตว์ หรือ ชีส แล้วแต่คนทำจะชอบทานกับอะไร
ทางเขต Lombardia (Lombardy)
โดยเฉพาะในมิลาน นิยมทาน Polenta เช่นกันค่ะ







เครปทอดสอดไส้แฮม ราดด้วยชีส







Café gourmand กาแฟเสิร์ฟกับของหวานชิ้นเล็กๆ หลายแบบ






ของหวาน : พุดดิ้ง ราดซอสครีม โรยด้วยผงโก้โก้







ของหวานอีกจาน : พุดดิ้ง(ลักษณะเนื้อแน่นคล้าน ปันนา ค้อตต้า)
ราดซอสราสพ์เบอร์รี่ เสิร์ฟกับลูกแพร์เชื่อม







ดินเนอร์มื้อค่ำนี้เอิงไปทานกับเพื่อนๆ รวม 4 คนค่ะ
เราสั่งอาหารกันมาลองหลายเมนู ไม่ให้ซ้ำกันจะได้ชิมหลายอย่าง
เป็นมื้ออร่อยในแบบสไตล์อิตาเลี่ยน อาหารท้องถิ่นเมือง Aosta
นานๆ จะมีโอกาสมาเที่ยวที่นั่น เลยต้องลองซะนิด


ทริปนี้น่าประทับใจทีเดียว ได้ชมสินค้าพื้นเมือง คุณภาพ ฝีมือดีจากคนที่นั่น
และได้ลองชิมอาหารหลากหลาย
หากใครมีโอกาสไปเที่ยวอิตาลี ลองแวะไป Aosta ดูนะคะ

อิตาลียังอยู่ในช่วงฤดูหนาว (แต่เริ่มจะเข้าสู่ช่วงปลายแล้ว)
อีกไม่นานฤดูใบไม้ผลิจะกลับมา อากาศจะอุ่นขึ้นอีกเยอะ
เอิงคงหาเวลาไปเที่ยวเมืองอื่นที่น่าสนใจอีก
ขอบคุณที่ผู้อ่านหลายคนที่ยังติดตาม ทักทายกันอยู่เสมอ
พบกันใหม่บล้อกหน้าค่ะ ^_^

No comments:

Post a Comment