อาหารเช้าเป็นสิ่งที่สำคัญในการเริ่มวันใหม่ ร่างกายของเราต้องใช้พลังงานตลอดทั้งวัน สิ่งที่จำเป็นคือเราต้องรับประทานอาหารเช้า รับประทานให้เป็นเวลา แม้ไม่ต้องมากแต่อย่างน้อยก็ต้องมีอะไรรองท้องบ้าง มาดูกันดีกว่าค่ะว่าการทานอาหารเช้าให้ประโยชน์อย่างไรกับร่างกายบ้าง
ความสำคัญของอาหารเช้า
1. ร่างกายและสมองสามารถทำงานได้ดีขึ้น เรียนหนังสือได้เข้าใจมากขึ้นและ ทำงานได้ผลดีขึ้น
2. ร่างกายไม่อ่อนเพลียระหว่างวันหากได้รับอาหารเช้ารองท้องไว้
3. ในระยะยาวคนที่ไม่ทานอาหารเช้าน้ำหนังจะเพิ่มขึ้นเพราะร่างกายต้องการอาหารมากกว่าปกติในระหว่างวัน
4. คนที่รับประทานอาหารเช้า น้ำหนักตัวจะคงที่ง่ายต่อการลดน้ำหนัก
5. ร่างกายของคนที่รับประทานอาหารเช้าจะเผาผลาญพลังงานได้ดีกว่าคนที่งดอาหารเช้า
6. ความหิวระหว่างจะลดน้อยลง ท่านจะไม่รู้สึกหิวโหยในมื้อเที่ยงและมื้อเย็น
7. กล้ามเนื้อในร่างกาย และสมองจะตื่นตัว การออกกำลังกายจึงทำได้ง่ายขึ้นหากได้รับประทานอาหารเช้า
8. สมาธิระหว่างวันจะดีขึ้น สามารถเรียน หรือทำงานได้นานมากขึ้น ผลงานก็จะดีขึ้นตามไปด้วย
9. กำลังในร่างกายจะสูงขึ้นมีผลต่อสุขภาพจิตใจที่ดีตามมา
10. อวัยวะต่างๆ ในร่างกายจะทำงานสัมพันธ์กันเมื่อได้รับประทานอาหารเช้าอย่างพอเพียง ทำให้โรคภัยไข้เจ็บน้อยลง
ไม่ยากเลยใช่มั้ยคะ การรับประทานอาหารเช้าเป็นสิ่งจำเป็น อาจทานแค่ง่ายๆ เช่นไข่หนึ่งฟองกับน้ำผลไม้ หรือซีเรียลกับนม ขนมปังกับกาแฟหนึ่งถ้วย ฯลฯ แล้วแต่ชอบนะคะ พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลมากเช่น โดนัท ขนมเค็ก ฯลฯ ทานแบบพออิ่มและในปริมาณที่เหมาะสมจะดีที่สุด มารับประทานอาหารเช้ากันนะคะ
Tuesday, August 31, 2010
Monday, August 30, 2010
แนะนำหนังวัยรุ่นสุดฮา Easy A
วันนี้มาดูหนังแบบวัยรุ่นหน่อยนะคะ สุดฮา จะเข้าฉายในอเมริกาอาทิตย์นี้ บ้านเรารออีกนิดคงไม่นานค่ะ เรื่อง Easy A เป็นเหมือนบันทึกของสาวที่รับจ้างเดทหนุ่มในโรงเรียน ทำให้เธอมีชื่อเสียง (ชื่อเสีย) เดทหนุ่มไม่เลือก แต่เธอทำเพราะอยากดังค่ะ หนุ่มที่เธอเดทก็ดังไปด้วย เรื่องมาจบเอาที่เธอมาเจอกับคนที่ถูกใจจริงๆ ชื่อเสียงของเธอทำให้สาวๆ คนอื่นอิจฉา งานนี้ต้องมาลุ้นกันว่าเธอจะชนะใจหนุ่มที่ตกหลุมรักได้หรือไม่ เอาเป็นว่าดูกันสนุกๆ นะคะ
Saturday, August 28, 2010
สูตรอาหาร สลัดผักสไตล์กรีก
มีสูตรอาหารเพื่อสุขภาพมาฝากกันค่ะ คือสลัดผักสไตล์กรีก ทำง่ายมาก ส่วนผสมนั้นก็หาไม่ยากเลยค่ะ มีขายตามตลาดและร้านซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไป สลัดผักกรีกนั้นขึ้นชื่อมาเรื่องความสดและหลายคนนิยมทานกันทั่วโลก ถึงจะมีส่วนผสมที่เป็นชีสแต่ก็เป็นชีสเพื่อสุขภาพ ทานแล้วรู้สึกอิ่มไม่หิวต่อ คนที่ระวังเรื่องอาหารหรือต้องการลดน้ำหนักก็เปลี่ยนมาทานได้ แต่ต้องระวังเรื่องปริมาณในการบริโภคด้วยนะคะ ทานมากไปก็อิ่มเกิน เอาแบบพอดีนั้นน่าจะดีกว่า ที่ประเทศกรีซดิฉันมีโอกาสได้ไปเที่ยว ไปทาน อาหารเขาค่อนข้างเน้นพวกเนื้อค่ะ หนักหน่อยแต่มีจานข้างเคียงคือพวกสลัด ของเขาสดมากเพราะเน้นในเรื่องคุณภาพความสดอร่อย เลยอยากเอาสูตรส่วนผสมมาให้คุณผู้อ่านได้ลองทำกัน ทำง่ายๆ ทานที่บ้าน รับรองอร่อยถูกใจไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงกรีซ มาดูสูตรกันนะคะ
ส่วนผสม
วิธีทำ
1. นำส่วนผสม คือ มะเขือเทศ แตงกว่า ผักกาดโรเมน หัวหอมแดง มะกอกเทศ พริกหวานสีเขียว สีแดง และ ชีสฟีต้า มาใส่ถ้วยสลัดขนาดใหญ่ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
2. นำส่วนผสม คือ น้ำมันมะกอก ผงออเรกาโน น้ำมะนาว พริกไทยป่น มาผสมในถ้วยที่แยกต่างหาก คนให้เข้ากันแล้วราดบนสลัดที่เตรียมเอาไว้ เสิร์ฟทานได้เลย
ส่วนผสม
- มะเขือเทศ 2 ลูก ขนาดใหญ่ หั่นเป็นชิ้นพอคำ
- แตงกว่า 1 ลูก หั่นเป็นชิ้นๆ
- ผักกาดเขียว โรเมน 1 หัว ล้างให้สะอาดแล้วสับเป็นชิ้น
- หัวหอมแดง 1 หัว สับเป็นชิ้นบางๆ
- ลูกมะกอกเทศ 1 ถ้วย แบบที่เอาเมล็ดออกแล้ว
- พริกหวานสีเขียว 1 ลูก หั่นเป็นชิ้นๆ
- พริกหวานสีแดง 1 ลูก หั่นเป็นชิ้นๆ
- ชีสฟีต้า 1 ถ้วยตวง หั่นเป็นชิ้นพอคำ
- น้ำมันมะกอก 6 ช้อนโต๊ะ
- ผงออเรกาโน 1 ช้อนชา
- น้ำมะนาวคั้นสด 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่นนิดหน่อย หรือแล้วแต่ชอบ
วิธีทำ
1. นำส่วนผสม คือ มะเขือเทศ แตงกว่า ผักกาดโรเมน หัวหอมแดง มะกอกเทศ พริกหวานสีเขียว สีแดง และ ชีสฟีต้า มาใส่ถ้วยสลัดขนาดใหญ่ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
2. นำส่วนผสม คือ น้ำมันมะกอก ผงออเรกาโน น้ำมะนาว พริกไทยป่น มาผสมในถ้วยที่แยกต่างหาก คนให้เข้ากันแล้วราดบนสลัดที่เตรียมเอาไว้ เสิร์ฟทานได้เลย
Labels:
Food,
Greek Salad,
Health,
Recipe
Thursday, August 26, 2010
แกเลอรี่ภาพเมือง Thessaloniki ประเทศ Greece
คลิกชมกันได้ในลิงค์ข้างค่ะ ภาพสวยๆ จากประเทศกรีซ ดิฉันอัพโหลดไว้ใน Bloggang สำหรับสมาชิก Pantip สามารถคอมเมนต์กันได้ตามสะดวกนะคะ
หมายเหตุ ชื่อที่ดิฉันใช้ใน Bloggang คือ Diamondsky ค่ะ
แกเลอรี่ภาพเมือง Thessaloniki ประเทศ Greece
hhttp://www.bloggang.com/viewblog.php?id=diamondsky&group=7
เมืองเทสสะโลนิกิ ประเทศกรีซ ขึ้นชื่อมากเรื่องสถานที่สำหรับช้อปปิ้งนะคะ ขาเที่ยวอย่างเราพลาดไม่ได้ที่จะแวะไปเดินดูร้านค้าต่างๆ ถนนหลักๆ ที่ขึ้นชื่อคือถนน Tsimiski มีแบรนด์ดังๆ อยู่เยอะค่ะ ถนน Egnatia ซึ่งอยู่ขนานกันก็เดินช้อปสนุกไม่แพ้กัน มีศูนย์การค้าอยู่ใกล้กับ Aristotelous Square และ ตลาดขายผักผลไม้ชื่อ Modiano Market นอกจากชมเมืองแล้ว ยังมีให้เดินช้อปปิ้งกันจนขาลากอีกนะคะ เมืองนี้ร้านรองเท้าเยอะมาก เดินไปไม่กี่ก้าวก็เจอร้านขายรองเท้าอีกแล้ว คุณผู้หญิงทั้งหลายออกมาช้อปกันสำราญใจ ดีที่ทุกอย่างอยู่ใกล้กันหมดไม่ต้องนั่งรถราให้ลำบากใจ เอาเป็นว่ามาดูภาพกันดีกว่าค่ะ
(ภาพด้านบน) ป้ายบอกชื่อถนน Tsimiski ถนนช้อปปิ้งชื่อดังของเมืองเทสสะโลนิกิ
(ภาพด้านบน) ทางเดินเชื่อมจากถนน Tsimiski ไปถนน Egnatia มีร้านค้า ร้านอาหารไว้รองรับนักท่องเที่ยวอยู่มากมาย
(ภาพด้านบน) ศูนย์การค้า ที่มีโรงภาพยนตร์ ตั้งอยู่บนถนน Tsmiski อยู่ไม่ไกลจาก Aristotelous Square สามารถเดินถึงกันได้
(ภาพด้านบน) Modiano Market เป็นตลาดขายของสด ผัก ผลไม้ เนื้อ ชีส ของหวาน ฯลฯ เป็นช่วงกลางวันค่ะ ปิดประมาณช่วงบ่ายแก่ๆ ต้องรีบมาเดินนะคะ เพราะของน่าสนใจเยอะมาก มีสินค้าที่ทำจากมือ เช่นเครื่องเงิน เครื่องแก้ว และของแต่งบ้านคุณภาพดี ราคาถูก ฯลฯ
(ภาพด้านบน) ร้านขายรองเท้า มีเยอะมาก ถ้านับนี่ก็เป็นหลายร้อยร้าน ไม่ได้พูดเล่นนะคะ มีทุกถนน ทุกมุมเมือง เดินไปทางไหนก็เจอค่ะ
อาหารสไตล์กรีกนั้นขึ้นชื่อมากเรื่องความอร่อย ที่มาพร้อมกับแคลอรี่ ที่นี่เขาเน้นทานเนื้อกันค่ะ เนื้อวัว ไก่ หมู แกะ ฯลฯ อาหารทะเลมีบ้างแต่ไม่ค่อยเยอะ ทั้งๆ ที่เมืองติดทะเลแต่เมนูอาหารปลามีน้อยกว่าที่คิด แต่ไม่เป็นไรค่ะ เราชอบลองทานอาหารท้องถิ่นที่ชาวกรีกแนะนำดีกว่า สลัดกรีกนั้นขึ้นชื่อเรื่องความสด เราสั่งทานกันทุกมื้อ ที่นี่ร้านกาแฟเยอะมากค่ะ คนนิยมทานกาแฟกันทั้งวัน เปิดตั้งแต่เช้ายันเที่ยงคืน สามารถหาทานกาแฟร้อน เย็น ฯลฯ กันได้ตลอด
(ภาพด้านบน) สลัดผักสไตล์กรีก ส่วนประกอบที่สำคัญคือ ชีสฟีต้า หัวหอม แตงกวา มะกอกเทศ มะเขือเทศ ลูกเคเปอร์ ผงออเรกาโน ราดมาพร้อมกับน้ำมันมะกอกและน้ำส้มสายชู ไม่ยุ่งยากในการทำเลยค่ะ แถมอร่อยชื่นใจ
(ภาพด้านบน) Souvlaki คือเนื้อย่างค่ะ รวมมิตรเนื้อหลายประเภท เนื้อวัว หมู ไก่ และแกะ จานนี้เป็นที่นิยมมากโดยเฉพาะทานกับสลัดผัก และขนมปัง
(ภาพด้านบน) Giaourtlou เนื้อวัวบดทำเป็นลูกชิ้นราดซอสที่ทำจากมะเขือเทศ เสิร์ฟพร้อมกับโยเกิร์ต และขนมปังพิต้า Pita Bread จานนี้ได้รับอิทธิพลมาจากอาหารประเทศตุรกีค่ะ มีต้นกำเนิดคล้ายกัน แต่มาดัดแปลงนิดหน่อยเรื่องส่วนผสม ต่อมากลายเป็นอาหารกรีก
(ภาพด้านบน) เนื้อไก่ราดซอสครีมเห็ด เสิร์ฟพร้อมกับข้าว และ ผักต้ม จานนี้ดูเละๆ แต่อร่อยมากค่ะ โดยเฉพาะซอสเห็ดที่ราดมากับเนื้อไก่ เป็นไก่ย่างเสียบไม้ รสชาดถูกปากไม่ซ้ำใคร
(ภาพด้านบน) เนื้อวัวตุ๋น พร้อมกับซอสครีม ผสมชีส จานนี้ดูน่ากลัวนิดๆ แต่อร่อยค่ะ เนื้อตุ๋นจนนิ่มทุกส่วน ครีมที่เสิร์ฟมาพร้อมกันนั้นรสเข้มข้นมาก เป็นครีมที่ทำจากชีส มีผักโรยแต่งหน้ามาด้วย ทานกับขนมปัง หรือมันฝรั่งบดก็ได้
(ภาพด้านบน) ของหวานสไตล์กรีกค่ะ มีร้านเบเกอรี่อยู่แทบทุกมุมเมือง ของหวานส่วนใหญ่เป็นขนมอบ พาย เค็กชิ้นเล็กๆ รสหวานมาก หวานจริงๆ แบบทานคำเดียวอิ่ม ทานต่อไม่ไหวเพราะน้ำตาลในเลือดขึ้นสูงเกินปริมาณ ไม่ได้พูดเล่นนะคะ ลองทานแค่ไม่กี่อย่างค่ะ ยอมแพ้ก่อนกลับไปทานผลไม้เป็นของหวานดีกว่า
(ภาพด้านบน) กาแฟเย็นสไตล์กรีก รสชาดเข้มข้นมาก ทานแล้วหัวใจแทบวายค่ะ ปกติดิฉันก็เป็นคนชอบกาแฟนะคะ แต่ทานแบบพอเหมาะ ถ้วยหรือสองถ้วยก็โอเค แต่ไหนๆ มาเที่ยวแล้วก็ขอสั่งกาแฟเย็นสไตล์กรีก Greek Frappé มาลองหน่อย แก้วเดียวนี้ตื่นทั้งวันค่ะ
(ภาพด้านบน) เราสองคนนั่งจิบกาแฟกัน ที่ร้านใกล้ทะเลด้านหน้าของเมือง บรรยากาศดีมาก โดยเฉพาะบริเวณ Aristotelous Square ตอนกลางวันร้อนหน่อย แต่คนมานั่งกันเยอะแทบทุกร้าน รับลมทะเลกันพอชื่นใจ
(ภาพด้านบน) อาหารเช้าที่โรงแรมค่ะ มีวิวระเบียงให้นั่งมองทะเล และมองเห็นลาน Aristotelous Square กินบรรยากาศไปด้วย มื้อเช้าสำคัญนะคะ
ร้านเบเกอรี่ Terkenlis ขายขนมเค็ก ของหวาน ไอศครีม ร้านนี้ขึ้นชื่อมากค่ะ มีหลายสาขาในเมืองเทสสะโนนิกิ คนเดินเข้าออกตลอด มีสาขาใกล้ๆ ที่พักของเราด้วย เลยได้ชิมเป็นอาหารว่างตอนบ่าย รสชาดดีมากจริงๆ ขนมก็มีทั้งสไตล์ยุโรปทั่วไป และขนมหวานแบบกรีก มีให้เลือกทุกแบบค่ะ
(ภาพด้านบน) ขนมปังราดครีมหวานสไตล์กรีก ชื่อ Tsoureki เป็นขนมปังที่ถักเป็นรูปเปียก่อนเข้าอบ นิยมราดน้ำตาล หรือครีมนม ครีมช็อคโกเล็ต เพื่อเสิร์ฟ อร่อยข้มข้นมากค่ะ
(ภาพด้านบน) พุดดิ้งครีมจากร้าน Terkenlis มีหลายรูปแบบให้เลือกค่ะ ทั้งพุดดิ้งนม วนิลา ช้อคโกเล็ก สตรอเบอรี่ ฯลฯ รสอร่อยเข้มข้นไม่แพ้ขนมอื่น
มาชมวิวกันต่อนะคะ ภาพสถานที่สำคัญๆ รอบเมืองเทสสะโลนิกิ ประเทศกรีซ
(ภาพด้านบน) อนุสาวรีย์อเล็กซานเดอร์มหาราช นักรบผู้ยิ่งใหญ่ชาวกรีก ที่มีชื่อเสียงอยู่ใกล้กับ White Tower ริมทะเล
(ภาพด้านบน) โบสถ์ Saint Gregory Palamas อยู่ใกล้ๆ กับทะเล และ Aristotelous Square
(ภาพด้านบน) โบสถ์ Saint Demetrius เป็นโบสถ์เก่าแก่อีกที่หนึ่ง มีสถาปัตยกรรมสมัยไบเซนทีน มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมกันคับคั่ง
(ภาพด้านบน) บริเวณใกล้กับ Aristotelous Square ถ่ายจากโรงแรมที่พักของเรา ชั้นบนเป็นร้านอาหาร และระเบียงกว้าง มองเห็นทิวทรรศหลายด้านของเมือง
(ภาพด้านบน) โบสถ์ Panagia Chalkeon อยู่บนถนน Egnatia เป็นอีกโบสถ์ที่เก่าแก่ในเมืองนี้
(ภาพด้านบน) Roman Agora ปราสาทโรมันซึ่งถูกทำลาย เมืองนี้เคยอยู่ใต้อิทธิพลของอาณาจักรโรมันโบราณ ซึ่งต่อมาแพ้สงครามให้กับพวกออตโตมาน น่าเสียดายที่สถานที่สำคัญๆ หลายที่โดนคุกคามในอดีตค่ะ เมืองเทสสะโลนิกิมีประวัติยาวนาน แต่แพ้สงครามหลายครั้ง มีซากปรักหักพักให้เห็นตามทุกที่ในเมือง
(ภาพด้านบน) ภาพหอคอย White Tower สัญลักษณ์ประจำเมือง อยู่ริมทะเล มีพิพิธภัณฑ์อยู่ข้างใน ตอนกลางคืนมีคนมาเดินเล่นบริเวณรอบๆ กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง มีร้านอาหาร บาร์ ร้านกาแฟ ฯลฯ อยู่รายล้อม เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจประจำเมือง เดินเที่ยวกันเพลินเลยค่ะ
หมายเหตุ ชื่อที่ดิฉันใช้ใน Bloggang คือ Diamondsky ค่ะ
แกเลอรี่ภาพเมือง Thessaloniki ประเทศ Greece
hhttp://www.bloggang.com/viewblog.php?id=diamondsky&group=7
เมืองเทสสะโลนิกิ ประเทศกรีซ ขึ้นชื่อมากเรื่องสถานที่สำหรับช้อปปิ้งนะคะ ขาเที่ยวอย่างเราพลาดไม่ได้ที่จะแวะไปเดินดูร้านค้าต่างๆ ถนนหลักๆ ที่ขึ้นชื่อคือถนน Tsimiski มีแบรนด์ดังๆ อยู่เยอะค่ะ ถนน Egnatia ซึ่งอยู่ขนานกันก็เดินช้อปสนุกไม่แพ้กัน มีศูนย์การค้าอยู่ใกล้กับ Aristotelous Square และ ตลาดขายผักผลไม้ชื่อ Modiano Market นอกจากชมเมืองแล้ว ยังมีให้เดินช้อปปิ้งกันจนขาลากอีกนะคะ เมืองนี้ร้านรองเท้าเยอะมาก เดินไปไม่กี่ก้าวก็เจอร้านขายรองเท้าอีกแล้ว คุณผู้หญิงทั้งหลายออกมาช้อปกันสำราญใจ ดีที่ทุกอย่างอยู่ใกล้กันหมดไม่ต้องนั่งรถราให้ลำบากใจ เอาเป็นว่ามาดูภาพกันดีกว่าค่ะ
(ภาพด้านบน) ป้ายบอกชื่อถนน Tsimiski ถนนช้อปปิ้งชื่อดังของเมืองเทสสะโลนิกิ
(ภาพด้านบน) ทางเดินเชื่อมจากถนน Tsimiski ไปถนน Egnatia มีร้านค้า ร้านอาหารไว้รองรับนักท่องเที่ยวอยู่มากมาย
(ภาพด้านบน) ศูนย์การค้า ที่มีโรงภาพยนตร์ ตั้งอยู่บนถนน Tsmiski อยู่ไม่ไกลจาก Aristotelous Square สามารถเดินถึงกันได้
(ภาพด้านบน) Modiano Market เป็นตลาดขายของสด ผัก ผลไม้ เนื้อ ชีส ของหวาน ฯลฯ เป็นช่วงกลางวันค่ะ ปิดประมาณช่วงบ่ายแก่ๆ ต้องรีบมาเดินนะคะ เพราะของน่าสนใจเยอะมาก มีสินค้าที่ทำจากมือ เช่นเครื่องเงิน เครื่องแก้ว และของแต่งบ้านคุณภาพดี ราคาถูก ฯลฯ
(ภาพด้านบน) ร้านขายรองเท้า มีเยอะมาก ถ้านับนี่ก็เป็นหลายร้อยร้าน ไม่ได้พูดเล่นนะคะ มีทุกถนน ทุกมุมเมือง เดินไปทางไหนก็เจอค่ะ
อาหารสไตล์กรีกนั้นขึ้นชื่อมากเรื่องความอร่อย ที่มาพร้อมกับแคลอรี่ ที่นี่เขาเน้นทานเนื้อกันค่ะ เนื้อวัว ไก่ หมู แกะ ฯลฯ อาหารทะเลมีบ้างแต่ไม่ค่อยเยอะ ทั้งๆ ที่เมืองติดทะเลแต่เมนูอาหารปลามีน้อยกว่าที่คิด แต่ไม่เป็นไรค่ะ เราชอบลองทานอาหารท้องถิ่นที่ชาวกรีกแนะนำดีกว่า สลัดกรีกนั้นขึ้นชื่อเรื่องความสด เราสั่งทานกันทุกมื้อ ที่นี่ร้านกาแฟเยอะมากค่ะ คนนิยมทานกาแฟกันทั้งวัน เปิดตั้งแต่เช้ายันเที่ยงคืน สามารถหาทานกาแฟร้อน เย็น ฯลฯ กันได้ตลอด
(ภาพด้านบน) สลัดผักสไตล์กรีก ส่วนประกอบที่สำคัญคือ ชีสฟีต้า หัวหอม แตงกวา มะกอกเทศ มะเขือเทศ ลูกเคเปอร์ ผงออเรกาโน ราดมาพร้อมกับน้ำมันมะกอกและน้ำส้มสายชู ไม่ยุ่งยากในการทำเลยค่ะ แถมอร่อยชื่นใจ
(ภาพด้านบน) Souvlaki คือเนื้อย่างค่ะ รวมมิตรเนื้อหลายประเภท เนื้อวัว หมู ไก่ และแกะ จานนี้เป็นที่นิยมมากโดยเฉพาะทานกับสลัดผัก และขนมปัง
(ภาพด้านบน) Giaourtlou เนื้อวัวบดทำเป็นลูกชิ้นราดซอสที่ทำจากมะเขือเทศ เสิร์ฟพร้อมกับโยเกิร์ต และขนมปังพิต้า Pita Bread จานนี้ได้รับอิทธิพลมาจากอาหารประเทศตุรกีค่ะ มีต้นกำเนิดคล้ายกัน แต่มาดัดแปลงนิดหน่อยเรื่องส่วนผสม ต่อมากลายเป็นอาหารกรีก
(ภาพด้านบน) เนื้อไก่ราดซอสครีมเห็ด เสิร์ฟพร้อมกับข้าว และ ผักต้ม จานนี้ดูเละๆ แต่อร่อยมากค่ะ โดยเฉพาะซอสเห็ดที่ราดมากับเนื้อไก่ เป็นไก่ย่างเสียบไม้ รสชาดถูกปากไม่ซ้ำใคร
(ภาพด้านบน) เนื้อวัวตุ๋น พร้อมกับซอสครีม ผสมชีส จานนี้ดูน่ากลัวนิดๆ แต่อร่อยค่ะ เนื้อตุ๋นจนนิ่มทุกส่วน ครีมที่เสิร์ฟมาพร้อมกันนั้นรสเข้มข้นมาก เป็นครีมที่ทำจากชีส มีผักโรยแต่งหน้ามาด้วย ทานกับขนมปัง หรือมันฝรั่งบดก็ได้
(ภาพด้านบน) ของหวานสไตล์กรีกค่ะ มีร้านเบเกอรี่อยู่แทบทุกมุมเมือง ของหวานส่วนใหญ่เป็นขนมอบ พาย เค็กชิ้นเล็กๆ รสหวานมาก หวานจริงๆ แบบทานคำเดียวอิ่ม ทานต่อไม่ไหวเพราะน้ำตาลในเลือดขึ้นสูงเกินปริมาณ ไม่ได้พูดเล่นนะคะ ลองทานแค่ไม่กี่อย่างค่ะ ยอมแพ้ก่อนกลับไปทานผลไม้เป็นของหวานดีกว่า
(ภาพด้านบน) กาแฟเย็นสไตล์กรีก รสชาดเข้มข้นมาก ทานแล้วหัวใจแทบวายค่ะ ปกติดิฉันก็เป็นคนชอบกาแฟนะคะ แต่ทานแบบพอเหมาะ ถ้วยหรือสองถ้วยก็โอเค แต่ไหนๆ มาเที่ยวแล้วก็ขอสั่งกาแฟเย็นสไตล์กรีก Greek Frappé มาลองหน่อย แก้วเดียวนี้ตื่นทั้งวันค่ะ
(ภาพด้านบน) เราสองคนนั่งจิบกาแฟกัน ที่ร้านใกล้ทะเลด้านหน้าของเมือง บรรยากาศดีมาก โดยเฉพาะบริเวณ Aristotelous Square ตอนกลางวันร้อนหน่อย แต่คนมานั่งกันเยอะแทบทุกร้าน รับลมทะเลกันพอชื่นใจ
(ภาพด้านบน) อาหารเช้าที่โรงแรมค่ะ มีวิวระเบียงให้นั่งมองทะเล และมองเห็นลาน Aristotelous Square กินบรรยากาศไปด้วย มื้อเช้าสำคัญนะคะ
ร้านเบเกอรี่ Terkenlis ขายขนมเค็ก ของหวาน ไอศครีม ร้านนี้ขึ้นชื่อมากค่ะ มีหลายสาขาในเมืองเทสสะโนนิกิ คนเดินเข้าออกตลอด มีสาขาใกล้ๆ ที่พักของเราด้วย เลยได้ชิมเป็นอาหารว่างตอนบ่าย รสชาดดีมากจริงๆ ขนมก็มีทั้งสไตล์ยุโรปทั่วไป และขนมหวานแบบกรีก มีให้เลือกทุกแบบค่ะ
(ภาพด้านบน) ขนมปังราดครีมหวานสไตล์กรีก ชื่อ Tsoureki เป็นขนมปังที่ถักเป็นรูปเปียก่อนเข้าอบ นิยมราดน้ำตาล หรือครีมนม ครีมช็อคโกเล็ต เพื่อเสิร์ฟ อร่อยข้มข้นมากค่ะ
(ภาพด้านบน) พุดดิ้งครีมจากร้าน Terkenlis มีหลายรูปแบบให้เลือกค่ะ ทั้งพุดดิ้งนม วนิลา ช้อคโกเล็ก สตรอเบอรี่ ฯลฯ รสอร่อยเข้มข้นไม่แพ้ขนมอื่น
มาชมวิวกันต่อนะคะ ภาพสถานที่สำคัญๆ รอบเมืองเทสสะโลนิกิ ประเทศกรีซ
(ภาพด้านบน) อนุสาวรีย์อเล็กซานเดอร์มหาราช นักรบผู้ยิ่งใหญ่ชาวกรีก ที่มีชื่อเสียงอยู่ใกล้กับ White Tower ริมทะเล
(ภาพด้านบน) โบสถ์ Saint Gregory Palamas อยู่ใกล้ๆ กับทะเล และ Aristotelous Square
(ภาพด้านบน) โบสถ์ Saint Demetrius เป็นโบสถ์เก่าแก่อีกที่หนึ่ง มีสถาปัตยกรรมสมัยไบเซนทีน มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมกันคับคั่ง
(ภาพด้านบน) บริเวณใกล้กับ Aristotelous Square ถ่ายจากโรงแรมที่พักของเรา ชั้นบนเป็นร้านอาหาร และระเบียงกว้าง มองเห็นทิวทรรศหลายด้านของเมือง
(ภาพด้านบน) โบสถ์ Panagia Chalkeon อยู่บนถนน Egnatia เป็นอีกโบสถ์ที่เก่าแก่ในเมืองนี้
(ภาพด้านบน) Roman Agora ปราสาทโรมันซึ่งถูกทำลาย เมืองนี้เคยอยู่ใต้อิทธิพลของอาณาจักรโรมันโบราณ ซึ่งต่อมาแพ้สงครามให้กับพวกออตโตมาน น่าเสียดายที่สถานที่สำคัญๆ หลายที่โดนคุกคามในอดีตค่ะ เมืองเทสสะโลนิกิมีประวัติยาวนาน แต่แพ้สงครามหลายครั้ง มีซากปรักหักพักให้เห็นตามทุกที่ในเมือง
(ภาพด้านบน) ภาพหอคอย White Tower สัญลักษณ์ประจำเมือง อยู่ริมทะเล มีพิพิธภัณฑ์อยู่ข้างใน ตอนกลางคืนมีคนมาเดินเล่นบริเวณรอบๆ กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง มีร้านอาหาร บาร์ ร้านกาแฟ ฯลฯ อยู่รายล้อม เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจประจำเมือง เดินเที่ยวกันเพลินเลยค่ะ
Labels:
Greece,
Thessaloniki,
Travel
Saturday, August 21, 2010
ร้านเบเกอรี่ Terkenlis ประเทศกรีซ
วันนี้พามารู้จักกับร้านเบเกอรี่อร่อยในกรีซกันนะคะ ชื่อ Terkenlis ขนมเค้ก ขนมหวานสไตล์ ของเขาอร่อยมาก มีไอศครีมขายด้วย เป็นไอศครีมที่เขาทำเองใช้ชื่อเหมือนชื่อร้านค่ะ มีสาขาอยู่หลายแห่ง เมืองที่ดิฉันมาเที่ยวคือ Thessaloniki ก็มีอยู่สองร้านใกล้ถนนช้อปปิ้ง Tsimiski เขารับทำขนมเค็กตามสั่งด้วย ทั้งเค็กวันเกิด แต่งงาน ฯลฯ เลยถ่ายรูปมาฝากกันให้ดูนะคะ
อร่อยสไตล์กรีก รสชาดแบบเข้มข้นมากค่ะ ของหวานทุกอย่างนั้นหวานจริงๆ ร้าน Terkenlis มีหลายสาขาแต่ส่วนใหญ่จะอยู่ทางตอนเหนือของประเทศกรีซ เช่น Thessaloniki หอมหวานชวนลูกค้าเข้าได้ตลอดทั้งวันเลยค่ะ
ร้านเบเกอรี่ขึ้นชื่อของกรีซ Terkenlis |
Terkenlis สาขาติดกับ Aristotelous Squre, Thessaloniki |
Tsoureki ขนมเค็กราดครีมช็อคโกเล็ต ของหวานสไตล์กรีก |
เค็กแต่งงานที่แสดงไว้หน้าร้าน Terkenlis |
Thursday, August 19, 2010
วันแรกที่เมือง Thessaloniki ประเทศกรีซ
เพิ่งเดินทางมาถึงเมือง Thessaloniki ประเทศกรีซ เมื่อวานนี้เองค่ะ อากาศร้อนแต่มีลมจากทะเลพัดมาหน่อยๆ ให้คลายบรรยากาศ ยังมีโปรแกรมเที่ยวอีกหลายวันที่นี่ แต่วันนี้อยากนำภาพสวยๆ มาฝากกันก่อนนะคะ คือ White Tower ถือเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองเลยทีเดียว ถูกสร้างขึ้นประมาณช่วงศตวรรษที่ 15 เป็นป้อมปราการประจำเมือง และใช้เป็นโรงฝึกทหาร มีช่วงหนึ่งที่ให้เป็นเรือนจำด้วย ศิลประเป็นสไตล์ Ottoman บริเวณใกล้เคียงมีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ และทางเดินเท้า ช่วงกลางคืนนี้คนมาสังสรรกันอยางคับคั่ง วันนี้เอามาให้ดูกันไม่กี่ภาพก่อน ไว้เที่ยวหมดเมื่อไหร่ จะเอาภาพสวยๆ มาให้ชมกันนะคะ
เป็นเมืองน่าเที่ยวมากค่ะ มีประวัติศาสตร์ยาวนาน พิพิธภัณฑ์ก็มีให้ดูเยอะ วันนี้มาอัพเดทกันก่อน แล้วจะมีภาพเต็มๆ มาให้ดูวันหลังค่ะ
White Tower (Thessaloniki, Greece) |
Electra Palace (near Aristotelous Square) |
Thessaloniki - Aristotelous Square |
Thessaloniki บริเวณติดริมทะเล มีทางเดินเท้าขนาดใหญ่ |
Labels:
Greece,
Thessaloniki,
Travel
Tuesday, August 17, 2010
เครื่องสำอางค์ Nars - Midsummer Dream Set
มาเรื่องความสวยความงามกันอีกแล้วค่ะคุณผู้หญิง วันนี้พามาชมโฉมชุดเครื่องสำอางค์ Nars ชุด Midsummer Dream แต่คราวนี้พิเศษหน่อยเพราะเป็นชุดสำหรับคนชอบกลิตเตอร์ หรือประกายเพชรเล็กๆ ที่ปนมากับเนื้อเครื่องสำอางค์นะคะ ดูไม่น่ากลัวจนเกินไป ไม่เยอะมากค่ะ เป็นกลิตเตอร์แบบพองาม ออกงานกลางคืนน่าจะเหมาะ หรือใช้เป็นไฮไลท์ทำให้หน้าดูมีสัดส่วน สว่างขึ้น ในเซตนี้มีผลิตภัณฑ์สามอย่างด้วยกัน คือ
- บลัชทาแก้ม 0.35 oz Hungry Heart Blush Duo
- ครีมแท่งแต่งหน้า 0.14 oz Orgasm Multiple
- น้ำยาทาเล็บ 0.25 oz Adelita Nail Polish
สำหรับบลัชทาแก้ม Hungry Heart Blush Duo เหมาะใช้เป็นไฮไลท์มากกว่าค่ะ เพราะสีอ่อนมาก ไม่ค่อยเห็นชัด แต่ใช้แปรงแต่งเบาเหนือโหนกแก้ม หรือไฮไลท์ใต้คิ้วจะดูสวย คลาสสิคมาก เพราะมีกลิตเตอร์หน่อยๆ เป็นประกาย แปรงที่อยากแนะนำให้ใช้คือ แปรง Duo Fiber (เช่น แปรงของ MAC 188, MAC 187) เพราะแปรงชนิดนี้ไม่สัมผัสกับผลิตภัณฑ์ หรือผิวหน้าเยอะ เรียกว่าแต่งอ่อนๆ ได้ค่อนข้างดี ถ้าชอบเข้มขึ้นก็เพิ่มเติมเอาได้ทีหลังค่ะ
สำหรับครีมแท่งแต่งหน้า Orgasm Multiple สีนี้เป็นสีชมพูอ่อน อ่อนมากๆ นะคะ แทบไม่เห็นสีเลยหากคุณเป็นคนผิวเข้ม แต่งวิธีใช้คือเป็นไฮไลท์ค่ะ ทำให้หน้าดูสว่างขึ้นทีเดียว คนผิวขาวหน่อยจะเห็นเป็นสีชมพูอ่อน มีกลิตเตอร์นิดๆ แต่งแบบบางจะเหมาะมาก สีติดทนนานทีเดียวค่ะ
น้ำยาทาเล็บ Adelita Nail Polish มาในแนวสีเดียวกันคือชมพูอ่อน ผสมกลิตเตอร์นิดๆ สีแบบใสๆ เน้นแนวหวานธรรมชาติ อยากขอแนะนำหน่อยนะคะว่าก่อนใช้น้ำยาทาเล็บที่มีกลิตเตอร์ หรือประกายเพชร ควรใช้น้ำยาทาเล็บแบบไม่มีสีทาบนเล็บก่อน ซึ่งจะช่วยให้ทำความสะอาดง่ายขึ้นเมื่้อต้องการล้างออก เพราะโดยปกติน้ำยาทาเล็บที่มีกลิตเตอร์จะล้างออกยากหน่อย เพราะผงกลิตเตอร์จะเกาะติดกับเล็บ ต้องถูกันหลายรอบกว่าจะล้างออกหมด เพื่อกำจัดความยุ่งยากเลยแนะนำให้ใช้สีใสทาก่อนค่ะ รับรองว่าล้างออกง่ายขึ้นเยอะ
เครื่องสำอางค์ของ Nars ราคาสูงหน่อยนะคะ เลือกผลิตภัณฑ์ที่อยากใช้จริงๆ ถึงจะคุ้ม แต่คุณภาพดีค่ะ สีติดทนนาน ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหากับผิวหน้า สีจะออกโทนธรรมชาติไม่หวือหวา แต่งหน้าแบบคลาสสิคจะดูดี เหมาะกับแทบทุกกาละเทศะ พกก็ง่ายค่ะ แพจเกจส่วนใหญ่ค่อนข้างทนทาน มีของดีน่าใช้เลยอยากเอาข้อมูลมาให้อ่านกันนะคะ
- บลัชทาแก้ม 0.35 oz Hungry Heart Blush Duo
- ครีมแท่งแต่งหน้า 0.14 oz Orgasm Multiple
- น้ำยาทาเล็บ 0.25 oz Adelita Nail Polish
Nars - Midsummer Dream Set |
Nars - Hungry Heart Blush Duo |
สำหรับบลัชทาแก้ม Hungry Heart Blush Duo เหมาะใช้เป็นไฮไลท์มากกว่าค่ะ เพราะสีอ่อนมาก ไม่ค่อยเห็นชัด แต่ใช้แปรงแต่งเบาเหนือโหนกแก้ม หรือไฮไลท์ใต้คิ้วจะดูสวย คลาสสิคมาก เพราะมีกลิตเตอร์หน่อยๆ เป็นประกาย แปรงที่อยากแนะนำให้ใช้คือ แปรง Duo Fiber (เช่น แปรงของ MAC 188, MAC 187) เพราะแปรงชนิดนี้ไม่สัมผัสกับผลิตภัณฑ์ หรือผิวหน้าเยอะ เรียกว่าแต่งอ่อนๆ ได้ค่อนข้างดี ถ้าชอบเข้มขึ้นก็เพิ่มเติมเอาได้ทีหลังค่ะ
Nars - Orgasm Multiple Stick |
สำหรับครีมแท่งแต่งหน้า Orgasm Multiple สีนี้เป็นสีชมพูอ่อน อ่อนมากๆ นะคะ แทบไม่เห็นสีเลยหากคุณเป็นคนผิวเข้ม แต่งวิธีใช้คือเป็นไฮไลท์ค่ะ ทำให้หน้าดูสว่างขึ้นทีเดียว คนผิวขาวหน่อยจะเห็นเป็นสีชมพูอ่อน มีกลิตเตอร์นิดๆ แต่งแบบบางจะเหมาะมาก สีติดทนนานทีเดียวค่ะ
Nars - Adelita Nail Polish |
น้ำยาทาเล็บ Adelita Nail Polish มาในแนวสีเดียวกันคือชมพูอ่อน ผสมกลิตเตอร์นิดๆ สีแบบใสๆ เน้นแนวหวานธรรมชาติ อยากขอแนะนำหน่อยนะคะว่าก่อนใช้น้ำยาทาเล็บที่มีกลิตเตอร์ หรือประกายเพชร ควรใช้น้ำยาทาเล็บแบบไม่มีสีทาบนเล็บก่อน ซึ่งจะช่วยให้ทำความสะอาดง่ายขึ้นเมื่้อต้องการล้างออก เพราะโดยปกติน้ำยาทาเล็บที่มีกลิตเตอร์จะล้างออกยากหน่อย เพราะผงกลิตเตอร์จะเกาะติดกับเล็บ ต้องถูกันหลายรอบกว่าจะล้างออกหมด เพื่อกำจัดความยุ่งยากเลยแนะนำให้ใช้สีใสทาก่อนค่ะ รับรองว่าล้างออกง่ายขึ้นเยอะ
เครื่องสำอางค์ของ Nars ราคาสูงหน่อยนะคะ เลือกผลิตภัณฑ์ที่อยากใช้จริงๆ ถึงจะคุ้ม แต่คุณภาพดีค่ะ สีติดทนนาน ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหากับผิวหน้า สีจะออกโทนธรรมชาติไม่หวือหวา แต่งหน้าแบบคลาสสิคจะดูดี เหมาะกับแทบทุกกาละเทศะ พกก็ง่ายค่ะ แพจเกจส่วนใหญ่ค่อนข้างทนทาน มีของดีน่าใช้เลยอยากเอาข้อมูลมาให้อ่านกันนะคะ
หนังสนุกสไตล์หนุ่มสาวสมัยใหม่ Life As We Know It
มีหนังเรื่องใหม่ที่จะเข้าฉายช่วงปลายปีนี้มาแนะนำกันนะคะ Life As We Know It เป็นสไตล์โรแมนติกคอมเมดี้ของหนุ่มสาวสองคน ที่บังเอิญมาพบกันเพราะทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทของสามีภรรยาที่มีลูกสาวหนึ่งคน แล้ววันหนึ่งสามีภรรยาเสียชีวิตลงกระทันหัน ในพินัยกรรมระบุให้เพื่อนหนุ่มสาวสองคนนี้รับลูกไปดูแล ปัญหาคือทั้งสองไม่ถูกกันค่ะ แต่ต้องยอมหันหน้าเข้าหากันเพราะความรักที่มีให้กับเด็กน้อย คงเดาตอนจบกันได้นะคะว่าจะเป็นอย่างไร นำแสดงโดย Katherine Heigl, Josh Duhamel
มาดูตัวอย่างหนังกันค่ะ
มาดูตัวอย่างหนังกันค่ะ
Friday, August 6, 2010
อาหารค่ำสไตล์ไทย ข้าวอบสับปะรด
อยากทำอาหารอร่อยๆ ทานเองที่บ้านนะคะ คิดถึงเมืองไทยเลยเปิดสูตรตำราแบบทำไม่ยาก ทานอร่อยได้ทั้งครอบครัว ข้าวอบสับปะรดค่ะ ดิฉันดัดแปลงหน่อย เอาผักพวกแครอท ใบขึ้นฉ่าย มาผสมรวมด้วย เครื่องดื่มก็ตกแต่งแบบสไตล์คอกเทล (น้ำสับปะรดผสมกับน้ำส้มคั้นสด) งานนี้คุณสามีติดใจ วันหน้าวันหลังต้องชวนเพื่อนๆ มาบ้านด้วย ของดีของอร่อยจากบ้านต้องชวนกันชิมนะคะ
สูตรของดิฉันเอง ดัดแปลงนิดหน่อยค่ะ แต่รับรองว่่าทำไม่ยากจนเกินไป
ข้าวอบสับปะรด : สำหรับ 2 ที่
1. ข้าวหอมมะลิ 1 ถ้วย
2. เนื้อไก่ 300 กรัม (สับเป็นชิ้น พอรับประทานเป็นคำๆ)
3. สับปะรด 1 ลูก (หั่นครึ่ง คว้านใส่ออก)
4. แครอท 1 หัว (หันเป็นชิ้นทรงสี่เหลี่ยม เหมือนลูกเต๋า)
5. ใบขึ้นฉ่าย 1 หัว (หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ)
6. หอมใหญ่ 1 หัว (หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ)
7. เม็ดมะม่วงหิมมะพานอบ ไม่ใส่เกลือ 0.5 ถ้วยตวง
8. เนื้อสับปะรด 1 ถ้วยตวง (หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ)
9. พริกหวานแดง 1 ลูก (หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ)
10. ถั่วลันเตาที่ปรุงสุกแล้ว จากกระป๋องก็ได้ green peas 0.5 ถ้วยตวง
11. เกลือและพริกไทย แล้วแต่ชอบ
12. ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. หุงข้าวให้สุกก่อน
2. ล้างเนื้อไก่ให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นพอรับประทาน ทอดในกระทะใส่น้ำมันน้อย ปรุงกับเกลือ พริกไทยและซอสถั่วเหลือง ถ้าไม่ชอบเกลือจะใส่น้ำปลาแทนก็ได้ค่ะ เมื่อเริ่มสุกให้ผัดรวมกับ แคทรอท ใบขึ้นฉ่าย หอมใหญ่ พริกหวานแดง จนสุกดี
3. ปอกสับปะรดหั่นครึ่ง คว้านใส้ออก เก็บเนื้อไว้รับประทานอีกได้ สัปปะรดหนึ่งลูกทำเป็นจานได้สำหรับสองที่
4. นำเนื้อไก่ผัดส่วนผสมต่างๆ ปนรวมกับข้าวสวยที่สุกแล้ว แล้วนำสับประรด เม็ดมะม่วงหิมมะพานอบ ถั่วลันเตาที่ปรุงสุกแล้ว คลุกเคล้าให้เข้ากันเบาๆ ระวังอย่าให้เนื้อข้าวเละ
5. นำส่วนผสมทั้งหมดไปส่ในชามสับปะรด ที่คว้านเนื้อออกแล้ว ห่อกระดาษอลูมิเนียม นำเ้ข้าเตาอบ 120c ประมาณ 10-15 นาที
6. เสิร์ฟรับประทานกับคอกเทลล์เย็นๆ ตามใจชอบ
คอกเทลล์ - สูตรที่ดิฉันทำคือ เอาน้ำสับปะรดผสมกับน้ำส้มคั้น คนที่ชอบฟองหน่อยสามารถผสมน้ำสไปรท์ลงไปได้ ใส่ขวดแล้วเขย่ารวมกัน เสิร์ฟกับน้ำแข็งสองถึงสามก้อน อย่าใส่น้ำแข็งมากเดี๋ยวรสชาดจะจืดค่ะ
อร่อยเองที่บ้านได้ทำไม่ยากเลยใช่มั้ยคะ แม้อยู่ไกลบ้านก็สร้างบรรยากาศดินเนอร์แบบไทยๆ ได้ ชวนเพื่อนมาทานก็ได้ ดัดแปลงส่วนผสมตามใจชอบนะคะ
สูตรของดิฉันเอง ดัดแปลงนิดหน่อยค่ะ แต่รับรองว่่าทำไม่ยากจนเกินไป
ข้าวอบสับปะรด : สำหรับ 2 ที่
1. ข้าวหอมมะลิ 1 ถ้วย
2. เนื้อไก่ 300 กรัม (สับเป็นชิ้น พอรับประทานเป็นคำๆ)
3. สับปะรด 1 ลูก (หั่นครึ่ง คว้านใส่ออก)
4. แครอท 1 หัว (หันเป็นชิ้นทรงสี่เหลี่ยม เหมือนลูกเต๋า)
5. ใบขึ้นฉ่าย 1 หัว (หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ)
6. หอมใหญ่ 1 หัว (หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ)
7. เม็ดมะม่วงหิมมะพานอบ ไม่ใส่เกลือ 0.5 ถ้วยตวง
8. เนื้อสับปะรด 1 ถ้วยตวง (หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ)
9. พริกหวานแดง 1 ลูก (หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ)
10. ถั่วลันเตาที่ปรุงสุกแล้ว จากกระป๋องก็ได้ green peas 0.5 ถ้วยตวง
11. เกลือและพริกไทย แล้วแต่ชอบ
12. ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. หุงข้าวให้สุกก่อน
2. ล้างเนื้อไก่ให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นพอรับประทาน ทอดในกระทะใส่น้ำมันน้อย ปรุงกับเกลือ พริกไทยและซอสถั่วเหลือง ถ้าไม่ชอบเกลือจะใส่น้ำปลาแทนก็ได้ค่ะ เมื่อเริ่มสุกให้ผัดรวมกับ แคทรอท ใบขึ้นฉ่าย หอมใหญ่ พริกหวานแดง จนสุกดี
3. ปอกสับปะรดหั่นครึ่ง คว้านใส้ออก เก็บเนื้อไว้รับประทานอีกได้ สัปปะรดหนึ่งลูกทำเป็นจานได้สำหรับสองที่
4. นำเนื้อไก่ผัดส่วนผสมต่างๆ ปนรวมกับข้าวสวยที่สุกแล้ว แล้วนำสับประรด เม็ดมะม่วงหิมมะพานอบ ถั่วลันเตาที่ปรุงสุกแล้ว คลุกเคล้าให้เข้ากันเบาๆ ระวังอย่าให้เนื้อข้าวเละ
5. นำส่วนผสมทั้งหมดไปส่ในชามสับปะรด ที่คว้านเนื้อออกแล้ว ห่อกระดาษอลูมิเนียม นำเ้ข้าเตาอบ 120c ประมาณ 10-15 นาที
6. เสิร์ฟรับประทานกับคอกเทลล์เย็นๆ ตามใจชอบ
คอกเทลล์ - สูตรที่ดิฉันทำคือ เอาน้ำสับปะรดผสมกับน้ำส้มคั้น คนที่ชอบฟองหน่อยสามารถผสมน้ำสไปรท์ลงไปได้ ใส่ขวดแล้วเขย่ารวมกัน เสิร์ฟกับน้ำแข็งสองถึงสามก้อน อย่าใส่น้ำแข็งมากเดี๋ยวรสชาดจะจืดค่ะ
ข้าวอบสับปะรด พร้อมเสิร์ฟเป็นอาหารค่ำค่ะ |
คอกเทลล์ น้ำสับปะรดผสมน้ำส้มคั้นและ สไปรท์ |
ดินเนอร์สไตล์ไทยแท้ ตกแต่งนิดหน่อยแบบนั่งริมชายทะเล |
Labels:
Dinner,
Food,
Pineapple Rice,
Thai Food
Wednesday, August 4, 2010
ตกแต่งบล็อกด้วย Twitpic Profile Widget
เรื่องเทคโนโลยีกับชีวิตปัจจุบันของเรานี้เรียกว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวมากค่ะ หลายคนที่ใช้โปรแกรม Twitter คงรู้จักกันดีสำหรับโปรแกรมที่ลิงค์กันแต่เน้นการอัพโหลดรูปคือ Twitpic สำหรับคุณๆ ที่เขียนบล็อกกันและต้องการตกแต่งโฮมเพจ ลิงค์รูป ลิงค์สถานะ ฯลฯ ต้องแวะมาดูกันหน่อยนะคะ
สำหรับคุณที่มีแอคเคาท์ Twitter กันแล้ว ก็สมัคร Twitpic ได้เลยค่ะ ลิงค์สำหรับการขอโค้ดมาแต่งคือ
http://twitpic.com/widgets/designer
Twitpic Profile Widget หน้าตาของเวปไซต์จะเป็นแบบนี้นะคะ
.
.
สามารถเปลี่ยนตกแต่งสีพื้น กรอบ ข้อความได้ตามต้องการค่ะ แล้วแต่ชอบสไตล์แบบไหน รูปนี้เป็นตัวอย่างที่ลองเปลี่ยนเป็นโทนสีชมพู
สำหรับคุณที่มีแอคเคาท์ Twitter กันแล้ว ก็สมัคร Twitpic ได้เลยค่ะ ลิงค์สำหรับการขอโค้ดมาแต่งคือ
http://twitpic.com/widgets/designer
Twitpic Profile Widget หน้าตาของเวปไซต์จะเป็นแบบนี้นะคะ
.
.
สามารถเปลี่ยนตกแต่งสีพื้น กรอบ ข้อความได้ตามต้องการค่ะ แล้วแต่ชอบสไตล์แบบไหน รูปนี้เป็นตัวอย่างที่ลองเปลี่ยนเป็นโทนสีชมพู
.
.
สำหรับคุณๆ ที่ชอบตกแต่งเวปไซต์กันก็ได้ของเล่นชิ้นใหม่แล้วนะคะ --- Enjoy :)
Labels:
Technology,
Twitpic,
Widgets
Monday, August 2, 2010
สบู่คุณภาพจากธรรมชาติ Lush
มีผลิตภัณฑ์มาแนะนำกันอีกแล้ว หลายคนคงเคยคุ้นชื่อลัช Lush ซึ่งใช้ส่วนผสมแบบออแกร์นิก ธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมีผสม ดีต่อสุขภาผิวพรรณที่เราๆ ผู้หญิงทั้งหลายให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ สินค้าจากลัชมีหลายอย่างค่ะ เช่น แชมพู ครีมนวดผม โลชั่นบำรุงผิว สบู่ ฯลฯ เรียกว่าเอาความงามมาครบเครื่องแต่เป็นสไตล์แบบเนเชอร์นิดๆ รักษาสิ่งแวดล้อมกันหน่อย วันนนี้เอาสบู่ที่ดิฉันชื่นชอบมาเ่ล่าต่อกันฟังค่ะ กลิ่นหอม ใช้ง่าย แถมให้ความรู้สึกแบบรีแลกซ์ สบายใจ สบายตัว มาดูภาพกันนะคะ
Sea Vegetable : สีเขียวเข้มแบบเหมือนน้ำทะเล มีส่วนผสมของสาหร่ายอยู่ด้วยนะคะ กลิ่นสดใสมาก ดอกลาเวนเดอร์ และกลิ่นมะนาวอ่อนๆ ซึ่งส่วนประกอบที่เป็นสาหร่ายทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นมาทีเดียวค่ะ ไม่ทำให้ผิวแห้งหลังจากอาบน้ำแล้ว ใช้ครั้งแรกก็ติดใจค่ะสำหรับดิฉัน
Sexy Peel : ก้อนที่สองนี้มาในสไตล์ผลไม้รสเปรี้ยว มีกลิ่นส้ม กลิ่นมะนาว แบบอ่อนๆ นะคะ ไม่มากมายจนเกินไป ซึ่งให้ความรู้สึกสดชื่น เหมาะใช้ตอนเช้าค่ะ หายง่วงนอนขึ้นมาทีเดียว
Miranda Soap: มีกลิ่นผลไม้กีวี กลิ่นส้ม และใบเบอร์กาม็อตหน่อยๆ เนื้อค่อนข้างเนียน ละเอียด ใช้แล้วผิวได้รับมอยเซอร์ไรเซอร์ ชุ่มชื้น มีชีวิตชีวา สไตล์ธรรมชาติมากๆ
Rock Star : สบู่ก้อนนี้มีฟองออกมาเยอะ ที่ได้ชื่อว่า ร็อคสตาร์ เพราะโฆษณาว่าทำให้คุณอยากร้องเพลงตอนอาบน้ำ มีอารมณ์ขันดีค่ะใครที่ตั้งชื่อนี้ สีแบบสดใสค่ะ บับเบิ้มกัม ชมพูอ่อนๆ คุณภาพก็ดีไม้แพ้กัน
Honey I washed the Kids: กลิ่นตามชื่อเลยค่ะ คือน้ำผึ้ง ที่ได้ชื่อตามมา I washed the Kids เพราะโฆษณาว่าใช้ได้ทั้งครอบครัว เป็นสบู่ประจำบ้านว่างั้น กลิ่นน่าทานมากค่ะ (แต่ทานไม่ได้) มีกลิ่นคาราเมลหน่อยๆ ด้วย
นอกจากจะมีกลิ่นหลายรูปแบบ ทั้งผลไม้ ขนมหวาน หรือกลิ่นสมุนไพรธรรมชาติ ลัชยังได้ชื่อว่าเป็นสินค้า ที่ผลิตจากธรรมชาติโดยแท้ ไม่ผสมสารกันบูด เคมี ทุกอย่างมีวันหมดอายุบอกไว้ค่ะ ต้องดูก่อนซื้อด้วยนะคะ ว่าใช้งานได้นานหรือเปล่า แต่รับรองได้ว่าอย่างน้อยคุณภาพดีไม่แพ้ใคร ของดีเลยอยากมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
จากซ้ายไปขวา: Sea Vegetable, Sexy Peel, Miranda, Rock Star, Honey IWTK |
Sexy Peel : ก้อนที่สองนี้มาในสไตล์ผลไม้รสเปรี้ยว มีกลิ่นส้ม กลิ่นมะนาว แบบอ่อนๆ นะคะ ไม่มากมายจนเกินไป ซึ่งให้ความรู้สึกสดชื่น เหมาะใช้ตอนเช้าค่ะ หายง่วงนอนขึ้นมาทีเดียว
Miranda Soap: มีกลิ่นผลไม้กีวี กลิ่นส้ม และใบเบอร์กาม็อตหน่อยๆ เนื้อค่อนข้างเนียน ละเอียด ใช้แล้วผิวได้รับมอยเซอร์ไรเซอร์ ชุ่มชื้น มีชีวิตชีวา สไตล์ธรรมชาติมากๆ
Rock Star : สบู่ก้อนนี้มีฟองออกมาเยอะ ที่ได้ชื่อว่า ร็อคสตาร์ เพราะโฆษณาว่าทำให้คุณอยากร้องเพลงตอนอาบน้ำ มีอารมณ์ขันดีค่ะใครที่ตั้งชื่อนี้ สีแบบสดใสค่ะ บับเบิ้มกัม ชมพูอ่อนๆ คุณภาพก็ดีไม้แพ้กัน
Honey I washed the Kids: กลิ่นตามชื่อเลยค่ะ คือน้ำผึ้ง ที่ได้ชื่อตามมา I washed the Kids เพราะโฆษณาว่าใช้ได้ทั้งครอบครัว เป็นสบู่ประจำบ้านว่างั้น กลิ่นน่าทานมากค่ะ (แต่ทานไม่ได้) มีกลิ่นคาราเมลหน่อยๆ ด้วย
นอกจากจะมีกลิ่นหลายรูปแบบ ทั้งผลไม้ ขนมหวาน หรือกลิ่นสมุนไพรธรรมชาติ ลัชยังได้ชื่อว่าเป็นสินค้า ที่ผลิตจากธรรมชาติโดยแท้ ไม่ผสมสารกันบูด เคมี ทุกอย่างมีวันหมดอายุบอกไว้ค่ะ ต้องดูก่อนซื้อด้วยนะคะ ว่าใช้งานได้นานหรือเปล่า แต่รับรองได้ว่าอย่างน้อยคุณภาพดีไม่แพ้ใคร ของดีเลยอยากมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
Subscribe to:
Posts (Atom)