Thursday, November 17, 2011

A Day Trip : ไปเที่ยวเมือง Varese ทางเหนือของประเทศอิตาลี


ภาษาอิตาเลี่ยนวันละคำ วันนี้ขอเสนอคำว่า Palazzo
อ่านว่า ปา-ลาซ-โซ (Stress คำว่า “ลาซ”)
ภาษาไทยแปลว่า วัง พระราชวัง
ภาษาอังกฤษตรงกับคำว่า Palace

 
Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley



สวัสดีพี่ๆ น้องๆ และท่านผู้อ่านที่น่ารัก
ก่อนอื่น ขอส่งกำลังใจให้คนไทยในบ้านเราทุกคน
โดยเฉพาะชาว กทม. ที่กำลังรับมือกับภัยน้ำท่วม
ขอให้น้ำลดลงเร็วๆ ทุกกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
เอาใจช่วยทุกท่านค่ะ


วันนี้อยากเอาภาพทริปที่เคยไปเที่ยวเมือง Varese มาฝากกัน
Varese อ่านว่า วา-เร-เซ
เอิงไปมาเมื่อหลายวันก่อน ช่วงนั้นอากาศยังอุ่นๆ เดินสบาย
(ตอนนี้อากาศหนาว อุณหภูมิ 4-6c)

มารู้จักกับเมืองนี้ซักนิดนะคะ
(ข้อมูลจาก Comune di Varese)
เมือง Varese (วาเรเซ) อยู่ทางตอนเหนือของอิตาลี
แคว้น Lombardy (Italian = Lombardia)
ไม่ไกลจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์
มีประชากรประมาณ 90,000 คน
ขนาดเมือง 54 ตารางกิโลเมตร


การเดินทาง
จากมิลาน มีรถไฟจากสถานี Cadorna
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
(รถไฟจอดหลายสถานี จึงใช้เวลานานกว่ารถยนต์)
ค่าโดยสารไป-กลับ ประมาณ 11 ยูโร


หากเดินทางโดยรถยนต์ ใช้ Autostrada A1
เส้นทาง Milano – Varese
ใช้เวลาประมาณ 50 นาที



Varese เป็นเมืองที่มีขนาดเล็ก แต่น่าอยู่
มีสวนสาธารณะใหญ่ โบสถ์หลายแห่ง
และมีถนนช้อปปิ้งเล็กๆ หลายสายในตัวเมือง


มาชมภาพกันค่ะ
Palazzo e Giardini Estensi
ภาษาอังกฤษ Palace = ภาษาอิตาเลี่ยน Palazzo
สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1766-1771
เคยเป็นที่พำนักของ Francis III of Este
สมัยที่ออสเตรียเรืองอำนาจในทางเหนือของอิตาลี
มีสวนสาธารณะใหญ่  Giardini Estensi ในบริเวณเดียวกัน

















Archeologic Museum
เดิมเคยเป็นวิลล่า Tudor Style
ตั้งอยู่บนเนินเขา Mirabello Hill



















Basilica di San Vittore
โบสถ์หลักประจำเมือง Varese
เป็นสถาปัตยกรรมในรูปแบบ Neoclassic
ใกล้กับโบถส์นั้นมีหอระฆังชื่อว่า il Bernascone
(ตั้งตามชื่อสถาปนิกที่ออกแบบ คือ Giuseppe Bernasconi)

















Battistero di San Giovanni Battista
Monumneto Nazionale
(Piazza Battistero)
ชื่อย๊าวววยาว... ไม่รู้ใครตั้ง อิอิ
เป็นโบสถ์ที่ถูกสร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 12-13
ข้างในมีสถาปัตยกรรมที่หาดูยาก Series of Frescoes

















สถาปัตยกรรมที่งดงามของโบสถ์ในเมือง Varese























Arco Mera
(ที่ตั้ง คือ Corso Matteotti/Piazza San  Vittore)
ประตูเมืองที่เชื่อมระหว่างถนนสำคัญ คือ Corso Matteotti
และทางไปโบสถ์ประจำเมือง Basilica di San Vittore
สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1850

















Via Albuzzi – Casa Perabò
หน้าตาโบราณที่ยังมีความสวยงามในแบบ Gothic Arts

















อนุสาวรีย์ Garibaldino
ตั้งอยู่ในบริเวณถนนสำคัญของเมือง Corso Matteotti
ทำจาก bronze โดยศิลปินชื่อ Leone Buzzi

















บ้านโบราณ ที่ยังมีลวดลายบนผนัง
บ่งบอกถึงความเก่าแก่ของเมือง Varese ที่มีมาช้านาน

















ธงประจำเมือง Varese
(ตั้งอยู่ในบริเวณที่ทำการเทศบาล Comune di Varese)

















ภาพต้นไม้ ดอกไม้ บริเวณสวนสาธารณะ Giardini Estensi



















ทานพิซซ่าเป็นอาหารเที่ยง เติมพลังระหว่างวัน
มื้อง่ายๆ แต่อร่อย พิซซ่าขอบบาง อิแทเรี่ยน(แต๊ๆ)ค่ะ


















*Thank You*
ขอบคุณ “คุณนก” LoveParadise สำหรับของที่ระลึก
จากเมือง Tallinn, Estonia
โปสการ์ด เหล็กติดตู้เย็น และช็อคโกแลต
ถูกใจมากๆ ขอบคุณคุณนกอีกครั้งค่ะ














เมือง Varese (วาเรเซ) แม้เป็นเมืองเล็ก แต่น่ารัก
มีอะไรให้ชมทุกซอกทุกมุม
วันนั้นอากาศกำลังดี มีแดดจ้า ท้องฟ้าแจ่มใส
เอนทรี่นี้ขอเอารูปใสๆ มาลงเยอะหน่อย
เพราะที่มิลานกำลังหนาว หมอกปกคลุม ฟ้ามืดมัวเล็กน้อย
อยากให้แดดทางเมืองไทยส่องมาบ้างจังเลยค่ะ




*Note*
ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวไทยทุกท่าน
โดยเฉพาะชาว กทม. ในการต่อสู้ รับมือกับภัยน้ำท่วม
เอิงติดตามข่าวเสมอ โดยเฉพาะทางอินเตอร์เน็ตและโพสต่างๆ ใน FB
เชื่อว่าเราจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ด้วยกัน เป็นกำลังใจให้ค่ะ






ปล. พี่ๆ น้องๆ สามารถรับข่าวสารอัพเดททาง Facebook
โดยเข้าไปที่เพจของ Diamondsky Blog ค่ะ

Diamondsky Blog

FB Page




ขอบคุณที่แวะมาทักทาย แล้วเจอกันใหม่บล็อกหน้าค่ะ



No comments:

Post a Comment